"รุ่งโรจน์" ชงถอดยศสันธนะผิดวินัยร้ายแรงเปิด3นายพลคู่ขัดแย้ง

          เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานชุดคณะทำงานคดีที่มีการกวาดล้างเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไม่มี อย. เป็นสินค้าผิดกฎหมาย ที่ตลาดใหม่ดอนเมือง ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่กองคดีอาญา กองวินัย และกองทะเบียน

แฟ้มภาพ
 

          เพื่อพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับตำรวจสันติบาล ในฐานะประธานที่ปรึกษา บริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด หลังจากที่ พ.ต.ท.สันธนะ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ ซึ่งถือว่าผิดวินัยอย่างร้ายแรง

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาเรื่องดังกล่าวติดภารกิจราชการไม่สามารถเข้าประชุมได้ ที่ประชุมจึงมีมติให้เลื่อนวาระการประชุมเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน

          ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่อยากให้ความเห็นกรณี พ.ต.ท.สันธนะ ผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ในประเด็นที่จะดำเนินคดีกับ 3 นายพลตำรวจ ที่นำกำลังเข้าตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง เพราะเป็นสิทธิ์ของเขา เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่ไม่ขอแสดงความเห็น ตนเป็นข้าราชการตำรวจที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ส่วนพฤติกรรมของพ.ต.ท.สันธนะ ที่เป็นเช่นนี้ทั้งที่เป็นอดีตข้าราชการตำรวจ ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล การจะฟ้องร้องใคร ทั้งกลุ่มผู้เสียหาย หรือใครๆ ก็เป็นสิทธิ์ของ พ.ต.ท.สันธนะ ที่จะฟ้องใครกลับก็ได้ ไม่อยากพูดเรื่องนี้ เพราะตนตกเป็นคู่กรณีอยู่เรื่อย


 

          พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า ส่วนพฤติกรรมของพ.ต.ท.สันธนะ ในการกระทำความผิดจะเข้าข่ายต้องถอดยศหรือไม่นั้น เรื่องนี้มีคณะทำงานพิจารณาอยู่แล้ว ส่วนจะไปถึงขั้นพิจารณาถอดยศหรือไม่ยังไม่ทราบ อย่างไรก็ตามสำหรับการดำเนินคดีต่อพ.ต.ท.สันธนะ เป็นไปตามพยานหลักฐานที่มี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวคณะทำงานดำเนินการ

          เมื่อเวลา 11.20 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีผู้ที่ได้รับมอบหมายจากพ.ต.ท.สันธนะ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผ่านศูนย์รับส่งหนังสือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานเลขานุการ ตร. โดยหนังสือดังกล่าวมีข้อความระบุว่า เรื่อง ขอแจ้งเตือนการปฏิบัติหน้าและคำสั่งสนธิกำลังพลและอาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการใดๆ ต่อข้าพเจ้า

          เนื่องจากในปัจจุบันมีสถานการณ์ความรุนแรงอันเกินกว่าเหตุในการดำเนินการใดๆ ต่อข้าพเจ้า โดยอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของนายพลตำรวจจำนวน 3 นาย ซึ่งมีความขัดแย้งส่วนตัวโดยตรงต่อข้าพเจ้าดังนี้ คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา และพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล นอกจากนี้ปฏิบัติการดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อบุพการีและครอบครัวของข้าพเจ้าโดยตรง อันไม่สามารถยินยอมได้อีกต่อไป ดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นต้องใช้กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ดำเนินการแก่ทั้ง 3 นายนับแต่นี้เป็นต้นไป

          ในหนังสือดังกล่าวระบุด้วยว่า พ.ต.ท.สันธนะ ยืนยันว่าไม่คิดจะหลบหนี พร้อมมอบตัวสู้คดี หากพนักงานสอบสวนคดีใดก็ตาม มีความจำเป็นต้องขอศาลยุติธรรมเพื่อขออนุมัติหมายจับติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ให้ส่งหนังสือหรือติดต่อได้ที่บ้านพักย่านถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. พร้อมทั้งให้หมายเลขโทรศัพท์ของพ.ต.ท.สันธนะไว้ด้วยสำหรับติดต่อโดยตรง

          ในตอนท้ายของหนังสือดังกล่าวระบุว่า "จึงเรียนมายังท่านเพื่อแจ้งให้นายตำรวจทั้ง 3 นายทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป”

 

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รองผบช.ทท.) กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.สันธนะ ระบุว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีต่อ 8 ผู้ค้าภายในตลาดดอนเมือง ที่แจ้งความดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.สันธนะนั้น จะต้องดูก่อนว่าพยานถูกข่มขู่จริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และนำเรียนต่อศาลให้พิจารณาต่อไป เนื่องจากการให้ประกันตัวมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยาน หรือออกนอกประเทศ


 

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.สันธนะเดินหน้าให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์หลายช่องและหลายรายการนั้น เรื่องนี้ขอยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อรูปคดีใดๆ ทั้งสิ้น แต่หากมีการพูดให้สัมภาษณ์ในเชิงขัดต่อกฎหมาย หรือพลาดพิงถึงบุคคลอื่นก็อาจสั่งห้ามในขั้นตอนต่อไป

 

          “คดีนี้ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเพราะเป็นเหมือนคดีอื่นๆ ทั่วไป ตำรวจแค่ดำเนินการตามที่มีผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรมเท่านั้น” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าว

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ออกหมายจับพ.ต.ท.สันธนะ พร้อมกับพวกรวมทั้งหมด 11 คน ในคดีกรรโชกทรัพย์ผู้ค้าในบริเวณตลาดใหม่ดอนเมือง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นายคเณศ เปรมครุฑ หรือต้น อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาลำดับที่ 8 ขณะหลบหนีไปอยู่ที่ จ.สระบุรี ได้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม จากการสอบสวนเบื้องต้น นายคเณศให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่า เป็นผู้จัดการตลาดใหม่ดอนเมือง


 

          ต่อมาเมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 15 พฤษภาคม พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง คุมตัวนายคเณศไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อขออำนาจศาลฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 15-26 พฤษภาคม ท้ายคำร้องขอฝากขัง พนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี ตำรวจต้องใช้การสืบสวนจึงติดตามจับกุมได้ ประกอบกับเกรงว่าหากได้รับการประกันตัวผู้ต้องหาอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดีได้ซึ่งศาลได้รับคำร้องไว้พิจารณา

 

          ขณะที่นายคเณศกล่าวระหว่างถูกนำตัวเข้าห้องควบคุมว่า ยืนยันให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาของตำรวจ

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาทนายความของนายคเณศได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 3 แสนบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งนี้ศาลได้พิจารณาและมีคำสั่งให้นายคเณศได้รับการประกันตัวออกไปโดยไม่กำหนดเงื่อนไข และนัดให้มารายงานตัวในวันที่ 2 กรกฎาคม เวลา 08.30 น.เป็นต้นไป

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับผู้ต้องหาในคดีกรรโชกทรัพย์รายอื่นๆ ได้ทยอยเดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง อีก 5 คน ได้แก่ นายชนะโชติ สุขสุคนธ์ ผู้ต้องหาลำดับที่ 2 นายวันเพ็ญ ผิวดำดี หรือเพ็ญ ผู้ต้องหาลำดับที่ 4 นายประนอม แก้วสวัสดิ์ ผู้ต้องหาลำดับที่ 6 นายกฤษณะ หรือตั้ม หลำรอด ผู้ต้องหาลำดับที่ 7 นายอนุ สุขสุคนธ์ ผู้ต้องหาลำดับที่ 11 รวมผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและมอบตัวทั้งหมด 7 คน
          ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวอีก 3 คน คือ นายวรรณชัย หรือ แก้ว ใจเรือง ผู้ต้องหาลำดับที่ 3 นายอดิศักดิ์ หรือ โต้ง จันทร์ศรี ผู้ต้องหาลำดับที่ 9 และนายอนุชา หรือ ทอม วรเดช ผู้ต้องหาลำดับที่ 10 รวมผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและมอบตัวทั้งหมด 10 คน ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 1 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามจับกุมตัวต่อไป
 

          เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 15 พฤษภาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมยี่ห้อ “เมจิกสกิน” ได้เข้ามาร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมเปิดเผยรายชื่อดารานักแสดงที่รับงานรีวิวสินค้าดังกล่าวที่จะต้องถูกเรียกตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนเคยเรียกตัวมาสอบปากคำไปแล้วบางส่วน


 

          พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มการสอบสวนจนถึงขณะนี้ พบว่ามีผู้เสียหายจากคดีดังกล่าวที่เข้าแจ้งความที่กองปราบฯ ไปแล้วทั้งหมด 902 ราย รวมยอดความเสียหายกว่า 289 ล้านบาท แต่ยังไม่รวมผู้เสียหายในพื้นที่ต่างจังหวัด คาดว่าน่าจะมีมากกว่า 1,000 รายอย่างแน่นอน โดยหลังจากนี้จะเร่งรัดทำคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็วก่อนที่จะครบกำหนดฝากขังผัดที่สี่ โดยขณะนี้เหลือเวลาในการดำเนินการอีก 24 วัน ส่วนรายชื่อของดารานักแสดงที่รับรีวิวสินค้า ซึ่งคณะกรรมการอาหารและยา หรืออย. เพิ่งส่งชื่อมาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเพิ่มเติม จะถือว่าเป็นกลุ่มที่ 3 อีก 7 ราย ประกอบไปด้วย ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปรีวิววิตามินชิโนบิ “แพทตี้” อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา ที่รับงานรีวิวเซรั่มเมสโส “มาร์ช” จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล รีวิวเซรั่มเมสโส

          พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อว่า ส่วนรายที่ 4 ก็คือ “ไอซ์” อภิษฎา เครือคงคา รีวิววิตามินชิโนบิ “ วุ้นเส้น” วิริฒิพา ภักดีประสงค์ ที่เคยรีวิววิตามินชิโนบิ “ดีเจพุฒ” พุฒิชัย เกษตรสิน รีวิววิตามินชิโนบิ และ “ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น” กนกฉัตร มรรยาทอ่อน ที่เข้าไปรีวิวสินค้าสลิมมิลค์ เพิ่มเติมด้วย โดยในรายของนายกนกฉัตร นั้น พนักงานสอบสวนพิจารณาออกหมายเรียกเองซึ่งนักแสดงทั้งหมดจะถูกเรียกเข้ามาให้ปากคำในวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม เวลา 09.30 น. ที่กองปราบปราม ส่วน พรชัย กฤษฎี หรือม้า อรนภา ซึ่งเข้ามาให้ถ้อยคำไปแล้ว เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จึงยังไม่จำเป็นต้องเชิญมาให้ปากคำอีก


 

          พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อด้วยว่า ส่วนดาราที่ถูกออกหมายเรียกมาให้ปากคำในกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ขณะนี้ยังเหลืออีก 6 รายที่ยังไม่เข้ามาให้ข้อมูลคือ เจสซี่ วาร์ด “ก้อย” รัชวิน วงศ์วิริยะ “โฟร์” ศกลรัตน์ วรอุไร “กุ๊บกิ๊บ” สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย ส่วน “มาร์กี้” ราศรี และ “ป๊อก” ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ ติดต่อเข้าพบแล้ว โดยจะกำหนดวันเข้าพบใหม่อีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ สำหรับกลุ่มดาราที่เข้าให้ถ้อยคำไปแล้วนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจพิสูจน์สารประกอบของผลิตภัณฑ์จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่ามีสารประกอบที่เป็นจริงตามที่โฆษณาหรือไม่ มีผลดีต่อสุขภาพหรือไม่ หลังจากนั้นจึงจะต้องนำผลมาวิเคราะห์การรวบรวมพยานหลักฐานก่อนว่าดาราที่รับรีวิวสินค้าจะเข้าข่ายความผิดใดที่จะต้องดำเนินคดีหรือไม่


 

          “ส่วนแกนนำผู้ต้องหาคดีเมจิกสกินที่ออกหมายเรียกไปแล้วนั้น บางคนยังมาไม่ครบ ในส่วนนี้จะต้องตามต่อ หากออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ยังไม่มาก็จะออกหมายจับในข้อหาขัดหมายเรียก ด้านผลการตรวจผลิตภัณฑ์ อย.จะเร่งการตรวจให้เป็นพิเศษ โดยใช้เวลาประมาณ 24 วัน ส่วนผลิตภันฑ์ลีน ตรวจสอบแล้วพบสารไซบูมรามีน ซึ่งมีผลต่อระบบประสาททำให้เสี่ยงเกิดอาการหัวใจวายได้ เช่นเดียวกับผลการตรวจชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ตายที่ต้องสงสัยว่าน่าจะเสียชีวิตจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดังกล่าวเข้าไปนั้น พบว่ามีสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการบริโภคสารไซบูมรามีน จากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้าไป" พล.ต.อ.วิระชัย กล่าว

          ด้าน พ.ต.อ.ชาคริส สวัสดี รองผบก.ป. ระบุว่า กลุ่มดารานักแสดงที่มาให้ปากคำส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่รับรีวิวสินค้าผ่านผู้จัดการส่วนตัว จากคำให้การมีบางรายก็อ้างว่าใช้สินค้าเองบ้าง ส่วนจะมีความผิดหรือไม่ก็ต้องรอการตรวจสอบสารประกอบอีกครั้งถึงจะระบุได้ว่าจะดำเนินคดีต่อใครบ้าง

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่ น.ส.วิรากานต์ เสณีตันติกุล หรือ มะปราง อายุ 29 ปี นักแสดงช่อง 3 ในฐานะเจ้าของบริษัท 99 นิว วัน จำกัด และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบีเคิร์ฟว (Be curve) ดังกล่าว ได้นำเอกสารที่มีการจดทะเบียนบริษัทและได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มามอบให้ตำรวจบก.ปคบ. รวมถึงชี้แจงในประเด็นที่เป็นกระแสข่าวเรื่องการโฆษณาสินค้าเกินจริง อย่างไรก็ตาม ผลิตภันฑ์บีเคิร์ฟว นางเอกสาว “เบลล่า” ราณี แคมเปน ยังเป็นหุ้นส่วนสำคัญด้วย ซึ่งตัวแทนจำหน่ายบางรายไปเอาภาพของเบลล่าจากในอินสตาแกรมมาใช้ทำภาพประกอบและติดถ้อยคำบรรยายสรรพคุณสินค้าจนมีภาพเผยแพร่ออกสื่อในวงกว้าง จน ปคบ.จำเป็นต้องให้นักแสดงสาวชื่อดังเข้ามาชี้แจง

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ต.ท.สง่า เอี่ยมงาม รองผกก.4 บก.ปคบ. เปิดเผยว่า ส่วนกรณีเบลล่าได้รับการประสานงานมาแล้วว่า จะขอมาพบตำรวจบก.ปคบ. ในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ แต่ไม่ได้ระบุเวลาที่ชัดเจน จึงแจ้งว่าสามารถเดินทางมาได้ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่ กก.4 บก.ปคบ. อาคารบี ชั้น 4 ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ สำหรับผลจากอย. กรณีโฆษณาผลิตภันฑ์บีเคิร์ฟว ว่าเป็นโฆษณาเกินจริงหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไปรับผลมาเรียบร้อยแต่ยังไม่ได้รับการมารายงานผล