ข่าว

เงินทอนวัด ลอต 3 สะดุด! พศ.เลื่อนแจ้งตร.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผอ.พศ.เลื่อนเข้าแจ้งความคดีเงินทอนวัด ลอต 3 หลัง "บิ๊กฉัตร" เรียกเข้าหารือ หวั่นผลกระทบเป็นเรื่องละเอียดอ่อนปมกล่าวโทษพระชั้นผู้ใหญ่

     ความคืบหน้ากรณีเงินอุดหนุนวัดซึ่งกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ได้รับการร้องทุกข์จาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวโทษคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 แห่ง 4 คดี มีชื่อพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป เข้าไปเกี่ยวข้อง จากนั้นจึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบ และจะมีการแจ้งความร้องทุกข์กรณีเดียวกันเป็นลอตที่ 3 ซึ่งได้รับความสนใจและการจับตาว่า อาจจะมีรายชื่อวัดดังใน กทม. รวมถึงพระชั้นผู้ใหญ่ รวมอยู่ในกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาด้วย

    เงินทอนวัด ลอต 3 สะดุด! พศ.เลื่อนแจ้งตร.  

     วันที่ 19 เมษายน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งมีพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ถูกกล่าวหา ได้แก่ 1.พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 2.พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. 3.พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 4.พระเมธีสุทธิกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ว่า ได้หารือกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีแล้ว และได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พงศ์พร ดำเนินการกับข้าราชการทั้งหมดรวมถึงอดีต ผอ.พศ.ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายและแนวทางนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ให้ไว้

      “โดยข้อเท็จจริงแล้วเรื่องนี้เป็นผลจากการดำเนินงานของ พศ. ที่ได้พบการร้องเรียนทุจริตใช้งบอุดหนุนวัด งบอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม และงบเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนา เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทาง พศ.จึงส่งเรื่องให้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สืบสวนสอบสวน จึงพบว่ามีอดีต ผอ.พศ. และข้าราชการหลายคน และทางวัดเข้ามาเกี่ยวข้อง ทางตำรวจสอบสวนกลางจึงทำหนังสือถึง ผอ.พศ.ให้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ปปป. และทาง ปปป.เห็นว่าเกี่ยวพันกับข้าราชการ เอกชน บุคคลทั่วไป จึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด”

      นายสุวพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พระผู้ใหญ่ 3 รูปที่เป็นกรรมการ มส. และถูกกล่าวหาจะต้องออกจากตำแหน่งหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องแยกกัน เรื่องกระบวนการยุติธรรมก็ว่าไป เรื่องคณะสงฆ์ก็อีกเรื่อง ทั้งนี้ เจตนาของทุกคนคืออยากบำรุงพระพุทธศาสนา อะไรที่ทำให้ศาสนาเจริญรุ่งเรืองได้ รัฐบาลก็ไปทางนั้น คณะสงฆ์ก็จะเดินไปทางนั้น อย่างไรก็ตาม ทุกเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ให้ดำเนินการไป ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการพระพุทธศาสนา เชื่อว่ามส.ต้องมีการหารือกัน

     เมื่อถามว่า ขณะนี้พระผู้ใหญ่หลายท่านไม่พอใจการทำหน้าที่ตรวจสอบของ พ.ต.ท.พงศ์พร จะทำให้การตรวจสอบมีอุปสรรคหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่า พศ.ก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่ ผอ.พศ.ไปร้องทุกข์กล่าวโทษพระผู้ใหญ่และผู้เกี่ยวข้องตามหนังสือของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ส่งมา ไม่ดำเนินการก็ไม่ได้ เมื่อเรื่องเข้ากระบวนการยุติธรรม กระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตอบได้ดีที่สุด ให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้ากฎหมายบอกว่าชอบก็ชอบแล้ว ถ้ากฎหมายบอกไม่ชอบก็ไม่ชอบ สังคมจะได้สบายใจ เรื่องนี้ง่ายๆ ไม่ยาก

     “รัฐบาลยึดความถูกต้อง ตรงไปตรงมา โปร่งใส เราเดินไปตามนั้น ขณะเดียวกันงานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา รัฐบาลก็มีหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ทุกอย่างต้องอยู่บนหลักความถูกต้องโปร่งใส เราต้องเดินแบบนั้น” นายสุวพันธุ์ กล่าวสนับสนุนการทำงานของผอ.พศ.

     เมื่อถามว่า หากเรื่องดังกล่าวมีพระผู้ใหญ่กระทำผิดจริงก็ไม่ละเว้นใช่หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า “จะให้ผมตอบแบบนี้ไม่ได้ ผมตอบได้แต่เพียงว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เป็นไปตามข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐาน ให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ไป ส่วนจะมีผู้เกี่ยวข้องลอตใหม่อีกหรือไม่ ต้องรอการสอบสวนของตำรวจ เพราะตามข้อมูลที่ผมมียังมีการสอบสวนเหลืออยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะมีลอตต่อไปเมื่อไหร่ จะเป็นใคร อะไร อย่างไร ไม่ทราบรายละเอียด แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากให้ดำเนินการให้รวดเร็ว ไม่อยากให้ยืดเยื้อ ซึ่งเราต้องมาช่วยกัน”

     เมื่อถามย้ำว่า กังวลหรือไม่กรณีพระผู้ใหญ่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ผอ.พศ.ว่า การดำเนินการตรวจสอบเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ผมว่าเป็นเรื่องของการสร้างการรับรู้ ทุกฝ่ายก็ทำตามหน้าที่”

เงินทอนวัด ลอต 3 สะดุด! พศ.เลื่อนแจ้งตร.

     ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ทุกฝ่ายจะต้องยึดแนวทางและนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อจิตใจของประชาชน จะทำอย่างรอบคอบระมัดระวัง มีฐานข้อมูลที่ชัดเจน และต้องมองทุกมิติ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อความศรัทธาพระพุทธศาสนาหรือไม่นั้น หากความชัดเจนออกมาแล้วเชื่อว่าประชาชนจะยังมั่นคงในการนับถือพระพุทธศาสนาอยู่ เพราะคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยนับถือศาสนาพุทธ

     ส่วนที่หน้าสำนักงาน บก.ปปป. สายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวจำนวนมากได้เดินทางมารอทำข่าว พ.ต.ท.พงศ์พร จะเข้าพบ พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปปป.เพื่อแจ้งดำเนินคดีเงินทอนวัดลอต 3 อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ปัญญา เปิดเผยว่า พ.ต.ท.พงศ์พรได้ประสานขอเลื่อนเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษคดีเงินทอนวัดลอต 3 ที่เหลือ เนื่องจากติดภารกิจด่วนจึงไม่สามารถที่จะเดินทางมาได้ตามเวลานัด 10.00 น. โดยแจ้งอีกว่าถ้าเสร็จธุระอาจจะเดินทางมาในช่วงบ่ายแทน

     มีรายงานว่าเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.พงศ์พรได้ประสานพนักงานสอบสวน บก.ปปป.แจ้งว่าวันนี้ไม่สามารถเข้ามาพบตามนัดหมายได้ ขอเลื่อนมาให้ปากคำและแจ้งความวันอื่น โดยยังไม่ได้ระบุวันและเวลาที่จะเข้ามาพบอีกครั้ง

     รายงานระบุว่า การแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเอาผิดผู้กระทำผิดในคดีเงินทอนวัดครั้งนี้ ถือเป็นลอตที่ 3 แล้ว โดยมีทั้งหมด 10 วัด แต่ พ.ต.ท.พงศ์พร ได้แจ้งความเอาไว้ก่อน 3 วัด ส่วนอีก 7 วัด ทาง ปปป.ได้นัดผู้อำนวยการ พศ.มาสอบปากคำในวันนี้

     สำหรับคดีเงินทอนวัด ก่อนหน้านี้มีการดำเนินคดีไปแล้ว 2 ลอต โดยลอตแรก ปปป.ได้นำสำนวนการตรวจสอบกรณีการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัด ไปให้สำนักงาน ป.ป.ช.ไต่สวนทั้งสิ้น 12 คดี อาทิ วัดในจังหวัดอำนาจเจริญ พระนครศรีอยุธยา ลำพูน และที่ผ่านมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการพศ. นายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการพศ. น.ส.ประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการพศ. กับพวก ทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด กรณีวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับงบอุดหนุนในปี 2557-2558 ไปแล้ว

     นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2561 ยังได้ชี้มูลความผิด น.ส.ประนอม, นายพนม และข้าราชการ พศ. รวม 9 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต กรณีอนุมัติจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนแก่วัด 3 แห่ง ใน จ.สงขลา ยะลา นราธิวาส วัดละ 4 ล้านบาท เมื่อปี 2558

     ในส่วนของลอตที่ 2 มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 19 ราย โดยเป็นการทุจริตเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555-2560 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท แยกเป็น 21 สำนวน 33 แฟ้ม รวมเอกสารกว่า 13,000 แผ่น โดย ปปป.ได้นำสำนวนยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560

     ส่วนที่วัดสามพระยาวรวิหาร วันเดียวกัน ได้มีการจัดการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ช่วยเจ้าอาวาส ในเขตปกครองคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 19-20 เมษายน ประจำปี 2561 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กล่าวให้โอวาทสั้นๆ ก่อนพักการประชุมช่วงเช้าว่า ขอให้พระสงฆ์ทั้งหลายมุ่งปฏิรูปพระพุทธศาสนา เพื่อขับเคลื่อนสู่ความเจริญรุ่งเรืองต่อไป

     ทั้งนี้ ภายหลังจากเสร็จการประชุมในช่วงเช้า พระพรหมดิลกเดินเลี่ยงสื่อมวลชนจำนวนมากที่มาปักหลักรอขอสัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ปรากฏรายชื่อเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ 1 ใน 5 รูป เอี่ยวทุจริตเงินทอนวัด

     ต่อมาพระพรหมดิลกได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่มารอติดตามทำข่าวจำนวนมากว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหาของพศ. จึงยังไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดใดๆ ได้ เนื่องจากยังไม่ได้มีการเตรียมเอกสารหลักฐานไว้ชี้แจงข้อกล่าวหา

     “โรงเรียนพระปริยัติธรรมที่ถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตเงินทอนนั้น อย่างที่ผู้สื่อข่าวเห็นก็เป็นเพียงโรงเรียนที่สอนเรื่องหลักธรรมคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนาแก่ภิกษุและสามเณรตามปกติทั่วไป ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ” พระพรหมดิลก กล่าว

      หลังการให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ลูกศิษย์ก็ได้นิมนต์พระพรหมดิลกขึ้นรถ โดยลูกศิษย์แจ้งว่า พระพรหมดิลกติดภารกิจต้องเดินทางไปประชุมต่อ

     ขณะเดียวกัน ทางศิษยานุศิษย์ก็ได้พยายามชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่าการประชุมในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายละเอียดร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด

ฉบับ นสพ.คมชัดลึก

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ