อัยการโยนป.ป.ช.ฟันคดีหวยอลเวง 30 ล้าน

     ความคืบหน้าคดีีหวย 30 ล้านบาท ที่นายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี กับนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น อายุ 58 ปี แม่ค้าขายลอตเตอรี่ในตลาดเรดซิตี้ ผู้ต้องหาคดีแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนเพื่อแกล้งให้บุคคลอื่นต้องรับโทษรวม 4 ข้อหา และต่อมาศาลอาญาให้ประกันตัวไปสู้คดี โดยวันนี้เป็นการครบฝากขัง 48 วัน

     วันที่ 18 เมษายน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก นายพิทักษ์ อบสุวรรณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา นายพรชัย ชลวาณิชกุล และนายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เเละนายอธึก คล้ายสังข์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 พร้อมด้วย นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวสำนวนคดีหวย 30 ล้าน

     นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้อัยการรับสำนวนมาจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จากนั้นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาได้สั่งตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวน คณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นว่านอกจากนายปรีชา และนางรัตนาภรณ์ ได้ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้เเล้วยังตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีให้การสนับสนุน พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี กระทำความผิดตามมาตรา 157 คณะทำงานเห็นว่าสองคดีดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกัน เมื่อพิจารณาเเล้วตามข้อกฎหมายสำนวนอยู่ในอำนาจของป.ป.ช.

      ดังนั้นคณะทำงานอัยการจึงมีความเห็นให้คืนสำนวนการสอบสวนกลับไปให้กองปราบปรามดำเนินการทำสำนวนตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้มีหนังสือร้องขอให้ปล่อยตัวมาเเล้วเเละคณะทำงานอัยการได้ทำหนังสือถึงศาลอาญาขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาตามกฎหมายไปแล้ว ซึ่งศาลได้มีคำสั่งอนุญาตไปเเล้ว ตามกฎหมายเพราะจะครบกําหนดฝากขัง 48 วัน ในวันที่ 18 เมษายน ซึ่งอัยการได้คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหาด้วย

      รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดยังกล่าวถึงขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามรับสำนวนกลับไปและพิจารณา หากมีความเห็นสรุปสำนวนส่งป.ป.ช. ก็ไม่จำเป็นต้องควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไปส่งป.ป.ช.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของนายปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นยังคงต้องเดินทางมาที่ศาลอาญารัชดาเพื่อรายงานตัวตามกำหนดนัดของศาลและรับทราบคำสั่งว่าพนักงานอัยการคืนสำนวนกลับไปให้กองปราบฯ รับไปดำเนินการส่งปปช.ต่อไป

     ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. กล่าวว่า กองปราบปรามได้รับสำนวนคืนมาจากอัยการเมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา และได้ส่งสำนวนต่อไปให้ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลความผิดแล้ว ส่วนกรณีที่อัยการระบุว่าคดีดังกล่าวจากพยานหลักฐานในสำนวนคดีแจ้งความเท็จและคดีประพฤติมิชอบของพล.ต.ต.สุทธิ เป็นความผิดต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน ก็เป็นมุมมองทางกฎหมายของอัยการที่อาจมีมุมมองต่างกัน แต่ยืนยันว่าการรวมสำนวนและส่งสำนวนคืนให้กองปราบปรามไม่กระทบต่อคดี

     “กองปราบฯ มีความเห็นสอดคล้องกับอัยการด้วยว่าการรวมสำนวนกันนั้น เมื่อมีการพิพากษาว่าผู้ต้องหาผิดจริงผู้ต้องหาก็จะได้รับโทษหนักขึ้นกว่าสำนวนที่ส่งไปก่อนหน้านี้ ส่วนการที่ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวสองผู้ต้องหาแล้วหลายฝ่ายมีความกังวลว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานทำให้คดีเสียหาย ขอยืนยันว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะที่ผ่านมาผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์แบบนี้แต่อย่างใด”

     ด้านความเคลื่อนไหวของครูปรีชา ใน ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี พบว่ายังคงใช้เวลาว่างช่วงปิดภาคเรียนทำความสะอาดและทำงานบ้านต่างๆ โดยไม่มีท่าทีหรืออาการวิตกกังวลแต่อย่างใด โดยบอกว่าฟังแถลงของอัยการแล้ว เขาส่งสำนวนให้ป.ป.ช. ซึ่งหลังจากนี้ก็จะร้องขอความเป็นธรรมที่ป.ป.ช.ต่อไป ซึ่งเชื่อว่าระบบกระบวนการยุติธรรม จะสามารถให้ความเป็นธรรมได้

“การที่อัยการแถลงออกมาอย่างนี้ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องของคดีความ เพราะเราในฐานะที่เป็นพลเมืองดี พนักงานสอบสวนถามอะไรมาเราก็ตอบตามข้อเท็จจริง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นตามความเป็นจริงทุกประการ ก็ต้องรอกระบวนการทางศาลต่อไป ยืนยันไม่ได้เป็นผู้ที่สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่กระทำความผิด ซึ่งเราก็ให้ปากคำพนักงานสอบสวนไปตามความเป็นจริงทุกประการ” นายปรีชากล่าว 

ส่วนนายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายของเจ๊บ้าบิ่น กล่าวว่า วันนี้อัยการไม่ได้สรุปอะไร เพียงแค่ส่งเรื่องกลับให้ตำรวจกองปราบฯ เท่านั้น ในส่วนของเจ๊บ้าบิ่นยืนยันไม่กังวลอะไร ในพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. (19 เม.ย.) ก็จะเดินทางไปกับเจ๊บ้าบิ่นตามที่ศาลนัด