ข่าว

(คลิปข่าว)แจ้งความเงินหายกว่าสามล้านเยนขณะนั่งเครื่องมาไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จัดการนางแบบสาวชาวญี่ปุ่น โร่แจ้งความเงินหายกว่าสามล้านเยนขณะนั่งเครื่องมาประเทศไทย

โดยผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นรายนี้ ซึ่งสื่อสารภาษาไทยได้เนื่องจากเคยอยู่เมืองไทยมาก่อน เปิดเผยว่า ตนและน้องสาวเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับนำเงินสดจำนวน 3 ล้านเยนใส่ในกระเป๋าใบเล็กสีฟ้า พร้อมกับกล้องถ่ายรูปจำนวน 1ตัว ใส่มาในกระเป๋าเดินทางใบเล็กสีน้ำเงิน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อมาทำศัยกรรมที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งมีการนัดหมอไว้แล้ว จึงเดินทางมาจากสนามบินฮาเนด่ะ ซึ่งตอนแรกจะนำกระเป๋าสัมภาระที่มีเงินสดและทรัพย์สินเก็บอยู่ติดตัวขึ้นเครื่องมาด้วย แต่พนักงานของสายการบินแจ้งว่ามีผู้โดยสารจำนวนมากและไม่มีที่ว่างเพียงพอที่จะนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนกล่องเก็บสัมภาระและแนะนำให้โหลดมาใต้เครื่อง ด้วยความรีบจนลืมว่าในมีเงินสดอยู่จึงไม่ได้เอาออก จนกระทั่งมาถึงสุวรรณภูมิ ได้เปิดกระเป๋าดูก็พบว่ากระเป๋า 2 ใบที่ใส่กล้องและเงินสดได้หายไปจึงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ในวันนี้ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นเงินที่สำคัญมากสำหรับตนเองเนื่องจากเป็นเงินที่เตรียมมารักษาและผ่าตัดทำศัยกรรมให้กับนางแบบที่ตนดูแลอยู่ 

นายกิตติพงศ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งได้สั่งการทุกภาคส่วนบูรราการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บลายนิ้วมือแฝงและคราบ D N A กับผู้เสียหายและพนักงานทุกคนที่เข้ากะทำงานในการทำหน้าที่ เกี่ยวกับการลำเรียงกระเป๋าของผู้เสียหาย พร้อมทั้งประสานงานฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวพนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำและเก็บ D N A และลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐานก่อนจะพาตัวไปค้นห้องพักทุกราย แต่ไม่พบสิ่งปกติ และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดรวมถึงระบบการขนถ่ายสัมภาระของทางสายการบิน ทั้งจากสนามบินต้นทาง ซึ่งก็ได้รับการประสานและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี พบว่า กระเป๋าของผู้เสียหายที่ระบุว่าเงินสดหายไปนั้น ถูกลำเรียงเข้าตู้ขนถ่ายสัมภาระโดยต้นทางของสนามบินฮาเนด่ะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วเช่นกันก็ไม่พบว่ามีพนักงานรายได้ผิดสังเกตหรือเปิดกระเป๋าของผู้เสียหายแต่อย่างใด หลังเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็พบว่าซีลที่ล็อกตู้มานั้นไม่มีชำรุดเสียหายแต่อย่างใด และสายการบินได้ตรวจสอบเส้นทางการขนย้ายสัมภาระจากใต้ท้องเครื่องบินมายังสายพานซอสติ้งก็ไม่พบสิ่งผิดปกติทั้งตู้ไม่มีการเปิดออก ระยะเวลาเดินทางของตู้สัมภาระมายังสายพานลำเรียง รวมไปถึงพนักงานที่ยกกระเป๋าออกมาจากตู้และวางใส่สายพานก็ไม่สิ่งผิดปกติ 

พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้กล่าวว่า จากการตรวจสอบขั้นตอนการทำงานตามระบบมาตรฐานที่วางไว้ทั้งของสนามบินสุวรรณภูมิและสายการบิน แล้วไม่พบสิ่งปกติใด ขณะเดียวกันได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บ D N A ในกระเป๋าทุกใบของผู้เสียหายแล้ว โดยเฉพาะภายในกระเป๋า เพื่อใช้พิสูจน์ลายนิ้วมือแฝงว่าตรงกับพนักงานขนถ่ายสัมภาระในสนามบินสุวรรณภูมิรายใดหรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ โดยตนมั่นใจในระบบของสายการบินและมาตรฐานของสนามบิน ขณะที่การประสานงานทางสนามบินต้นทางก็ตรวจสอบไม่พบสิ่งปกติเช่นกัน คงต้องรอผลการตรวจสอบ DNA ซึ่งจะจะเร่งติดตามผลการตรวจดีเอ็นเอให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้คลี่คลายคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ