ข่าว

รวบลูกสาวอดีตส.ส.-เพื่อนชาย พกระเบิดเล่นสงกรานต์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รวบลูกสาวอดีตส.ส.พร้อมเพื่อนชาย พกระเบิดลูกเกลี้ยงเล่นสงกรานต์ อ้างมีไว้ป้องกันตัว ด้านประชาชนทยอยเข้ากรุง ถนนสายหลักติดหนึบ ยอดตาย 5 วันพุ่ง 323 เจ็บกว่า 3 พัน

     จากกรณีเจ้าหน้าที่มีมาตรการเข้มงวดป้องกันการก่ออาชญากรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 16 เมษายน ขณะที่ พ.ต.อ.ปรัชญา คงสกุล ผกก.สภ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ได้ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำจุดบริการประชาชนที่บริเวณสามแยกเมืองใหม่ อ.เขมราฐ พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น MSX สีขาว ทะเบียน 1 กบ 6528 อุบลราชธานี มีชายและหญิงนั่งซ้อนท้ายกันผ่านเข้ามาใกล้จุดตรวจแต่ไม่ยอมเข้าด่านตรวจค้นโดยเลี้ยวรถกลับไปเข้าซอยที่อยู่ใกล้จุดตรวจท่าทางมีพิรุธเจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ติดตามเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรจึงสามารถควบคุมตัวทั้งคู่ไว้ได้ โดยทราบชื่อผู้ขับขี่คือนายพิชชาทร ประสานสี อายุ 24 ปี ส่วนหญิงสาวชื่อ น.ส.นิชาภา จันทวารา อายุ 24 ปี ทั้งสองมีภูมิลำเนาอุบลราชธานี โดยน.ส.ณิชาภา เป็นลูกสาวของนายไพศาล จันทวารา อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.อำนาจเจริญ

     จากการตรวจค้นพบวัตถุระเบิดลูกเกลี้ยงชนิดขว้างแบบ M 67 จำนวน 2 ลูก ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ในการสงครามมีอานุภาพการทำลายสูงซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายของน.ส.นิชาภา โดยน.ส.นิชาภา ระบุว่าระเบิดดังกล่าวเป็นของนายพิชชาทร โดยในชั้นสอบสวนฝ่ายชายให้การรับสารภาพว่าได้ระเบิดมาจากชาวลาวคนหนึ่งโดยอ้างว่าพกไว้เพื่อป้องกันตัวซึ่งก่อนถูกจับได้กลับจากเล่นน้ำสงกรานต์และไปดูหมอลำซิ่ง กำลังจะกลับบ้านพักในตัวเมืองอุบลราชธานี แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน 

     อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อพร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนั้นได้ควบคุมตัวทั้งสองคนส่งพนักงานสอบสวนสภ.เขมราฐ เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวบลูกสาวอดีตส.ส.-เพื่อนชาย พกระเบิดเล่นสงกรานต์

     ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันที่ี 16 เมษายน วันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับเพื่อเตรียมทำงานว่า ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมา 1 หรือบ.ข.ส.เก่า หน้าห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารรถร่วมสาย 21 นครราชสีมา-กรุงเทพฯ มีประชาชนจำนวนมากมารอซื้อตั๋วอย่างเนืองแน่นจนจำนวนรถไม่เพียงพอต่อความต้องการ พนักงานจำหน่ายตั๋วของผู้ประกอบการรถทัวร์ต้องติดป้ายงดจำหน่ายตั๋วชั่วคราวทำให้มีผู้โดยสารหลายร้อยคนต้องตกค้าง ส่วนสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมา 2 หรือบ.ข.ส.ใหม่ หน้าห้องขายตั๋วก็มีประชาชนจำนวนมากมาซื้อตั๋วเช่นกันและประสบปัญหาจำนวนรถไม่เพียงพอเนื่องจากต้องรอรถโดยสารกลับจากกรุงเทพฯ แต่สภาพการจราจรคับคั่งทำให้รถโดยสารมาถึงสถานีล่าช้าผู้ประกอบการได้แจกบัตรคิวให้ผู้โดยสารนั่งรอเที่ยวรถที่จะมารับในชานชาลา

     นายศิระ บุญธรรมกุล ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ทุกช่วงเทศกาลสำคัญทางสถานีขนส่งโคราชซึ่งมีจำนวนเที่ยวรถให้บริการมากที่สุดในภูมิภาคจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการพร้อมๆ กันจึงเกิดปัญหาผู้โดยสารตกค้างอยู่ในสถานีขนส่งทั้ง 2 แห่ง แม้เพิ่มเที่ยววิ่งเต็มพิกัดแต่สภาพจราจรบนถนนมิตรภาพคับคั่งมากทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติเฉลี่ย 2-3 ชั่วโมง การบรรเทาปัญหาได้สำรองรถโดยสารไม่ประจำทางหรือรถเลขทะเบียน 30 จำนวน 80 คัน ออกมารับผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปกรุงเทพฯ คาดว่าจะสามารถระบายคนตกค้างได้ทั้งหมดไม่เกินเวลา 20.00 น.

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานีรถไฟและสถานีขนส่งตามจังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ก็มีประชาชนมาใช้บริการเดินทางกลับในช่วงสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์เป็นจำนวนมากเช่นกันจนบางแห่งต้องเพิ่มเที่ยวรถโดยสารเพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณผู้ใช้บริการ

     ส่วนการจราจรในวันสุดท้ายสงกรานต์พบว่าบนเส้นทางหลัก เช่น ถนนมิตรภาพ มีรถยนต์จำนวนมากแล่นผ่านเขตเมืองนครราชสีมา ประตูหน้าด่าน 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อมุ่งสู่กรุงเทพฯ และภาคกลางเพื่อกลับไปทำงานส่งผลให้ถนนช่วงหลักกิโลเมตรที่ 101 หน้าเรือนจำสีคิ้วและในตัวเมืองนครราชสีมามีปริมาณรถสะสมเพิ่มขึ้นจนติดสะสมยาวนับกิโลเมตรจนต้องเปิดช่องทางพิเศษให้รถยนต์แล่นสวนทางกันในช่วงหลักกิโลเมตรที่ 87+700-103+200 ตั้งแต่ทางต่างระดับสีคิ้วถึงตำบลคลองไผ่ เพื่อเร่งระบายรถให้มากที่สุด เช่นเดียวกับถนนสายหลักอื่น อาทิ ถนนพหลโยธิน และถนนเพชรเกษม รวมทั้งถนนสายเอเชีย พบว่าการจราจรหนาแน่นติดขัดภายหลังจากสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ซึ่งประชาชนต่างทยอยกลับเข้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล จนเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งระบายรถให้คล่องตัวมากที่สุด

รวบลูกสาวอดีตส.ส.-เพื่อนชาย พกระเบิดเล่นสงกรานต์

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (16 เม.ย.) เทศบาลเมืองแสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้จัดงานประเพณีก่อพระทรายวันไหลบางแสน ระหว่างวันที่ 16-17 เมษายน มีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากไปเล่นน้ำสงกรานต์บริเวณชายหาดบางแสนทำให้ถนนฝั่งขาเข้าบางแสนตั้งแต่ถนนสุขุมวิทไปจนถึงบริเวณชายหาดรถติดหนึบยาวกว่า 5 กิโลเมตร รวมทั้งถนนสายข้าวหลามที่มุ่งหน้าเข้าหาดบางแสนก็มีรถราคับคั่งเช่นกัน พร้อมทั้งมีการนำรถกระบะติดถังน้ำท้ายรถสาดเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยคาดว่าในวันที่ 17 เมษายน ซึ่งมีการประกวดพระทรายวันไหลบางแสนจะมีนักท่องเที่ยวมาร่วมเล่นสงกรานต์กันอย่างมากมาย หลังจากนั้นจะไปต่อกันที่วันไหลพัทยาในวันที่ 18 เมษายนนี้

     วันเดียวกันศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 15 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 552 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 69 คน ผู้บาดเจ็บ 589 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ ดื่มแล้วขับร้อยละ 42.03 ขับรถเร็วร้อยละ 25.72 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ร้อยละ 78.53 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรงร้อยละ 65.04 บนถนนกรมทางหลวงร้อยละ 37.86 ถนนในอบต./หมู่บ้านร้อยละ 36.05 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01–20.00 น. ร้อยละ 32.61 เรียกตรวจยานพาหนะ 886,202 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 178,191 คน มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 51,488 คน ไม่มีใบขับขี่ 46,094 คน 

     ทั้งนี้สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 11–15 เมษายน เกิดอุบัติเหตุ 3,001 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 323 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,140 คน สำหรับจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 7 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ระนอง สตูล สมุทรสงคราม หนองคาย หนองบัวลำภู และอ่างทอง จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 119 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 19 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 136 คน

     ขณะที่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. เปิดเผยว่า คสช.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปรับการอำนวยการจราจรให้สะดวกที่สุดและทันต่อสภาพการใช้ถนนทั้งในสายหลัก สายรอง และทางลัด พร้อมเปิดเส้นทางพิเศษเพื่อเร่งระบายการจราจรให้คล่องตัวที่สุดควบคู่ไปกับการเข้มงวดในมาตรการสร้างความปลอดภัย “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ทั้งนี้สถิติ 5 วันที่ผ่านมาตั้งแต่ 11–15 เมษายน ได้ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการความปลอดภัยดื่มไม่ขับไว้แล้ว 10,099 คัน เป็นรถจักรยานยนต์ 7,372 คัน และรถยนต์ 2,727 คัน และดำเนินคดีผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 113,450 คน รถโดยสารสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคล 69,898 คน

รวบลูกสาวอดีตส.ส.-เพื่อนชาย พกระเบิดเล่นสงกรานต์

     ส่วนช่วงท้ายของเทศกาลสงกรานต์ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลา 00.10 น. (16 เม.ย.) ร.ต.อ.อนุวัฒน์ วัฒนกรการุณย์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักพุ่งชนต้นไม้จนเกิดเพลิงลุกไหม้และมีผู้เสียชีวิตบนถนนสายเลี่ยงเมือง หมายเลข 126 แยกบ้านกร่างมุ่งหน้าแยกเอกซเรย์ หมู่ 5 ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงไปตรวจสอบพบบริเวณร่องกลางถนนมีรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์-เงิน ทะเบียน กล 9707 พิษณุโลก ด้านหน้าชนอัดกับต้นจามจุรีขนาดใหญ่จนพังเสียหายยับเยินและมีไฟลุกไหม้จากห้องเครื่องลุกลามไปทั่วทั้งคัน เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำนานกว่า 20 นาทีเพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบภายในห้องโดยสารพบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้ชาย 1 ราย ด้านฝั่งคนขับ ส่วนอีก 1 รายเป็นผู้หญิง นั่งอยู่เบาะข้างกัน สภาพศพถูกไฟคลอกทั่วตัวจนไหม้เกรียมจึงส่งศพไปเก็บรักษาที่แผนกนิติเวช รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อตรวจสอบ

     จากการตรวจสอบพบหลักฐานระบุชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายกิตติพันธ์ วันเสน อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 6 ต.วังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตน่าจะขับรถมาด้วยความเร็วสูงหรืออาจจะวูบหลับในจนรถเสียหลักพุ่งตกลงไปในร่องกลางถนนชนอัดต้นไม้ทำให้เกิดประกายไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วโดยทั้งคู่ติดอยู่ในซากรถหนีออกมาไม่ได้ถูกเพลิงเผาเสียชีวิต อย่างไรก็ตามจะสอบสวนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

     ต่อมานายกฤษณะ อ่อนพรหม อายุ 24 ปี ได้เดินทางมาขอดูศพโดยระบุว่าผู้เสียชีวิตที่เป็นหญิงสาวคือ น.ส.สิริมา พานเชื่อง อายุ 23 ปี เป็นแฟนสาวของตน โดยผู้เสียชีวิตฝ่ายชายทำงานเป็นรองผู้จัดการร้านสะดวกซื้อสาขาวัดจุฬามณี ส่วนฝ่ายหญิงทำงานเป็นรองผู้จัดการร้านสะดวกซื้อสาขาบ้านกร่าง จ.พิษณุโลก ก่อนเกิดเหตุได้ชักชวนกลุ่มเพื่อไปเที่ยววันสงกรานต์ที่เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ กระทั่งช่วงค่ำจึงขับรถกลับมาส่งลูกสาวที่ อ.วังทอง และระหว่างเดินทางกลับเข้าหอพักย่านมหาวิทยาลัยนเรศวรจึงมาประสบอุบัติเหตุดังกล่าว

     ขณะที่เวลา 06.45 น. (16 เม.ย.) ร.ต.อ.สนธยา ไทยประดิษฐ์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บบนถนนเพชรเกษมฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯ บริเวณหมู่ 4 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ มิวเซเว่น สีขาว ทะเบียน 3 กส 4316 กรุงเทพมหานคร สภาพพังยับเยินชนอัดเสาไฟฟ้าและหลักกิโลเมตรอยู่ในร่องน้ำกลางถนนบริเวณจุดกลับรถและพบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 รายและบาดเจ็บสาหัส 4 คน เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่ง รพ.ท่าแซะ แต่ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตระหว่างนำส่งอีก 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตทั้งสองรายคือ น.ส.ธัญจิรา สามารถ อายุ 18 ปี และน.ส.ลิเยาะ สามารถ อายุ 23 ปี ทั้งสองเป็นชาวนครศรีธรรมราช ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัสทราบชื่อเพียงคนเดียวคือ นายสมศักดิ์ สามารถ อายุ 50 ปี เป็นชาวสมุทรปราการ 

     จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุรถคันดังกล่าวขับมาจาก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช มุ่งหน้า จ.สมุทรปราการ โดยออกเดินทางตั้งแต่เวลา 02.00 น. เมื่อถึงจุดเกิดเหตุคาดว่าคนขับคงเกิดความเหนื่อยล้าหรืออาจหลับในจนรถเสียหลักตกลงร่องกลางถนนและพุ่งชนเสาไฟฟ้าและหลักกิโลเมตรจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป

     ส่วนเวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุรถบัสโดยสารพลิกคว่ำตกลงข้างทางมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเหตุเกิดบนถนนทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธินเลยใต้สะพานต่างระดับบางปะอินมุ่งหน้ากรุงเทพฯ หลักกม.ที่ 52 จึงรุดไปตรวจสอบพบรถทัวร์โดยสารสายอุบลราชธานี-กรุงเทพฯ หมายเลขทะเบียน 34-32 11 นครราชสีมา พลิกคว่ำตกร่องกลางถนนลักษณะตะแคงซ้าย สภาพหน้าต่างกระจกด้านซ้ายแตกทุกบาน และพบผู้โดยสารหลายรายได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งรพ.บางปะอิน และรพ.การุญเวช เป็นชาย 9 คน หญิง 19 คนรวมทั้งเด็กหญิง 1 คนโดยทุกคนอาการไม่สาหัสมาก

     เจ้าหน้าที่สอบถามนายเต็มสิริ อุณหิต อายุ 20 ปี ชาวอุบลราชธานี ให้การว่ารถโดยสารดังกล่าวออกจากสถานีขนส่งอุบลราชธานีเมื่อเวลา 16.30 น.ของวันที่ 15 เมษายน โดยมีผู้โดยสารนั่งมาในรถประมาณ 40-50 คน โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (15 เม.ย.) รถบัสคันนี้ได้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถเก๋งบริเวณช่วงลำตะคอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จากนั้นได้เรียกประกันและเจรจาค่าเสียหายและเดินทางต่อเพื่อเข้ากรุงเทพฯ โดยมีคนขับเพียงคนเดียวไม่มีคนขับผู้ช่วยพอมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งรถวิ่งด้วยความเร็วและส่ายไปมากระทั่งเสียหลักตกลงร่องกลางถนนผู้โดยสารในรถส่งเสียงร้องและช่วยเหลือตัวเองออกมาจากรถ

     มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าคนขับอาจหลับในจากการขับรถต่อเนื่องกันเพียงคนเดียวและอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

รวบลูกสาวอดีตส.ส.-เพื่อนชาย พกระเบิดเล่นสงกรานต์

     ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้เดินทางไปตรวจสภาพผิวการจราจรถนนทางหลวงหมายเลข 3263 อยุธยา-เสนา หลักกม.ที่ 17 หมู่ 4 ต.พระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณทางเข้าโรงแรมเฮือนสุนทรี หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุรถปิกอัพชนกับรถบรรทุก 6 ล้อ และรถจักรยานยนต์ เมื่อเย็นวันที่ 15 เมษายน ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งพบว่าบริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุรถชนประสานงาและเป็นถนนสายรองแต่การจราจรหนาแน่นและสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

     นายอาคม กล่าวว่า จากการตรวจสอบของกรมทางหลวงมีความเห็นให้ตั้งแนวแบริเออร์เพื่อแบ่งช่องการจราจรให้ชัดเจน โดยวางเป็นแนวยาว 3 กิโลเมตร เพื่อไม่ให้รถทางแยกพุ่งออกมาข้ามช่องทางจราจรรถที่วิ่งสวนทางมาได้ นอกจากนี้จากการตรวจตามเส้นทางที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เช่น บริเวณสี่แยกวรเชษฐ์ เส้นทางเสนา-อยุธยา ตัดกับ 347 เส้นทางเชื่อมสายเอเชียบางปะหัน-ปทุมธานี ภายในระยะเวลา 2 ปีนี้จะมีการสร้างสะพานข้ามแยกดังกล่าวจากเส้นทางเสนา-อยุธยา เพื่อให้แบ่งเบาปัญหาการจราจรและและยังแก้ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุได้ด้วย

     พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตือนประชาชนที่เดินทางกลับจากภูมิลำเนาสู่กรุงเทพฯ ให้ระมัดระวังพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงจากอิทธิพลของพายุฤดูร้อน จึงขอให้ขับรถอย่างมีสติ มีน้ำใจ ปฏิบัติตามกฎจราจร เมาไม่ขับ และขับช้าลงเพื่อให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย เพราะหากมีพายุฝนเกิดขึ้นจะทำให้ถนนลื่น ทัศนวิสัยไม่ดีพอ หรือวัตถุต่างๆ รอบตัวอาจปลิวพัดมา ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนเป็นอันตรายได้นอกจากนี้ให้ทุกหน่วยดำเนินการตามแผนรองรับประชาชนที่เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการจัดระบบขนส่งโดยสารให้เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งจากจุดศูนย์กลางตามจังหวัดต่างๆ ในภูมิภาค และการส่งต่อผู้โดยสารจากสถานีขนส่งและสถานีรถไฟ เมื่อเข้ามายังกรุงเทพฯให้เกิดความต่อเนื่องและรวดเร็ว

     “นายกฯ ย้ำว่า ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก จึงขอให้เจ้าหน้าที่จัดกำลังดูแลรักษาความเรียบร้อยในสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่นเช่นเดียวกับที่ได้ปฏิบัติมา พร้อมทั้งขอบคุณทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และพลเรือนจิตสาอา ที่ร่วมกันเสียสละทำหน้าที่อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชนตลอดช่วงเทศกาลอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ทุกคนมีความสุขและปลอดภัย แม้จะเป็นวันหยุดพิเศษที่กำลังพลแต่จะนายควรจะอยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าก็ตาม”พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

     ขณะที่ พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่าช่วงสงกรานต์ ตั้งแต่ 11-16 เมษายน มีคดีอาชญากรรม ทำร้ายร่างกาย คดีฆ่า คดีทางเพศ ทั้งหมด 12 คดี จับกุมได้ 7 ราย หากเทียบกับปี 2560 เกิดขึ้น 17 คดีจับกุมได้ 6 ราย ถือว่าภาพรวมดีขึ้น ส่วนคดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น ปีนี้เกิดเหตุ 43 คดี จับกุมได้ 11 ราย เทียบกับปีก่อนซึ่งมี 81 คดี จับกุมได้ 43 ราย ถือว่าปีนี้ก็ยังดีขึ้นสำหรับพื้นที่ 11 จุดทั่วกรุงเทพฯ ที่จัดให้มีเล่นน้ำสงกรานต์ไม่พบคดีอุกฉกรรจ์และคดีอนาจารรวมถึงการเต้นเปลือยก็ยังไม่พบโดยภาพรวมควบคุมได้ดีกว่าปีก่อน

ฉบับ นสพ.คมชัดลึก

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ