"ผู้การ ปปป." เผย 19 เม.ย.นัด "ผอ.พศ." ให้ข้อมูลเพิ่มคดีใหม่อีก ส่วนเงินทอนวัดกทม. 4 สำนวน ส่งไม้ต่อ ป.ป.ช. รอเชือดแล้ว ระบุ พระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปถูกกล่าวหา
16 เม.ย.61 - จากที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้รับการร้องทุกข์ จาก ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) คดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 แห่งนั้น ล่าสุด บก.ปปป. ส่งสำนวนคดีทั้งหมด รวม 4 สำนวน ซึ่งเป็นกรณีที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้องทั้งหมด 5 รูปนั้น ไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว
โดยกรณีดังกล่าว เป็นเรื่องที่ "พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์" ผอ.พศ. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 แห่ง มีชื่อพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ซึ่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร , 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส.และเจ้าคณะภาค 4-7
3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส.และเจ้าคณะภาค 10 , 4.พระเมธีสุทธิกร (สังคม ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนเพื่อการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม
ซึ่งล่าสุด (16 เม.ย.) "พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา" ผบก.ปปป. ได้เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ บก.ปปป. ได้ส่งสำนวนทั้งหมด 4 สำนวนดังกล่าว ซึ่งเป็นกรณีที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้องทั้งหมด 5 รูปนั้น ไปให้กับ ป.ป.ช.แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยอำนาจการสอบสวนจะอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.ที่จะต้องตรวจสอบเรื่องทุจริตต่อไป
"พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา" ผบก.ปปป.
ส่วนของการฟอกเงิน จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยวันพฤหัสบดีที่ 19 เม.ย.นี้ ได้นัด "ผอ.พศ." มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมนั้นด้วยในเรื่องทุจริตเงินทอนวัดที่จะเป็นคดีใหม่ ซึ่งบางประเด็น จะเจาะลึกลงไปถึงงบประมาณในแต่ละวัดโดยไม่เกี่ยวกับ 4 สำนวน ที่ส่งไปยัง ป.ป.ช.แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีทุจริตเงินทอนวัดนั้น การดำเนินคดีอาญาชุดแรกที่ได้ส่งสำนวนถึงมืออัยการ และมีการสั่งฟ้อง กระทั่งยื่นฟ้องศาลแล้วมีเพียง 1 สำนวน คือ ข้อหาร่วมกันสมคบกันฟอกเงินทอนวัดในเขต จ.เพรชบูรณ์ , นครสวรรค์ , ตากและชุมพร ราว 28 ล้านบาท ที่พนักงานสอบสวน ปปป. ได้ส่งสำนวน พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง “นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์” อดีต ผอ.พศ. อายุ 59 ปี ซึ่งตัวยังหลบหนี , “นายฉัตรชัย ชูเชื้อ” ผอ.พศ.ปทุมธานี อายุ 53 ปี และ “นายสมเกียรติ ขันทอง” หรือพระครูกิตติ พัชรคุณ” เจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค อายุ 54 ปี ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
พระครูกิตติ พัชรคุณ” เจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์
ซึ่งวันที่ 22 ก.พ.61 ที่ผ่านมา คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ก็ได้มีความเห็นสั่งให้ฟ้อง นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ กับพระครูกิตติฯ เจ้าคณะอำเภอชนแดนฐานร่วมกันสมคบฟอกเงิน แต่เนื่องจากในส่วนของนายนพรัตน์ อดีต ผอ.พศ.ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลบหนีระหว่างชั้นสอบสวนไปโดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้แล้ว ซึ่งคดีอายุความฟ้อง 20 ปีนับจากวันเกิดเหตุ (ครบวันที่ 21 ม.ค.79) อัยการจึงยื่นฟ้องเฉพาะ พระครูกิตติฯ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางก่อน ซึ่งชั้นศาลก็ได้ประกันตัวไป 1.5 ล้านบาท ส่วนคดีอยู่ระหว่างรอสืบพยา
ส่วน “นายฉัตรชัย” ผอ.พศ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งผอ.สำนักพุทธศาสนสถาน พศ. นั้น คณะทำงานอัยการมีความสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าหลักฐานที่มียังไม่เพียงพอให้ฟ้อง โดยขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างรอให้ ผบ.ตร. เพื่อทำความเห็นตามขั้นตอนกฎหมายว่าจะเห็นตรงหรือเห็นแย้งกับคำสั่งคดีของอัยการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง