"ศรีวราห์"ส่งความเห็นแย้งสำนวนคดี"เปรมชัย"

           10 เมษายน 2561 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ  "พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล" รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร รอง ผบช.ภ.7 พร้อมคณะพนักงานสอบสวน ได้นำสำนวนความเห็นแย้งคดีนายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี ประธานบริหารบริษัทอิตาเลี่ยนไทยฯ กับพวกรวม 4 คนร่วมกันเข้าป่าและล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่นเรศวรโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ มาส่งให้ "นายขวัญชัย ชุติวงศ์" อัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาชี้ขาดตามขั้นตอน ภายหลังที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2561 อธิบดีอัยการภาค 7 และคณะทำงานอัยการเจ้าของสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้อง 6 ข้อหาและสั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัย 5 ข้อหา รวมทั้งผู้ต้องหาร่วมอีก 3 รายด้วยที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องบางข้อหา

           โดยการทำความเห็นแย้งนี้ ตำรวจได้ยืนยันความเห็นควรฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต 3 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ป่า 3.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยืนยันให้ฟ้องผู้ต้องหาร่วมอีก 3 คนด้วย

           ส่วน 2 ข้อหาที่ตำรวจ เห็นตามอัยการในส่วนของนายเปรมชัย คือ 1.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครอง 2.ร่วมกันกระทำการทารุณสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควรซึ่งเดิมในสำนวนการสอบสวน พนักงานสอบสวนก็มีความเห็นควรไม่ฟ้องเสนออัยการอยู่แล้ว

            ทั้งนี้ในส่วนของอัยการสูงสุดได้มี "นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์" และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกอัยการสูงสุด เป็นผู้แทน รับสำนวนความเห็นแย้งดังกล่าวไว้เสนออัยการสูงสุด พิจารณาชี้ขาดต่อไป

            ขณะที่ "นายธรัมพ์" รองโฆษกอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้นำความเห็นแย้งมาให้พนักงานอัยการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนข้อหาที่อัยการเจ้าของสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว 6 ข้อหาถือเป็นอันยุติ 

           ส่วนข้อหาที่อัยการสั่งไม่ฟ้องแล้วพนักงานสอบสวนมีความเห็นแย้งมานี้ ก็จะต้องนำเสนอ "อัยการสูงสุด" ชี้ขาด โดยคาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จทันฝากขังและสุดท้ายในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนตามปกติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 

           ผู้สื่อข่าวถามว่า การสั่งไม่ฟ้อง 5 ข้อหาของพนักงานคณะทำงานอัยการเจ้าของสำนวน ก่อนหน้านี้จะทำให้รูปคดีเสียไปหรือไม่ "นายธรัมพ์"  รองโฆษกอัยการสูงสุด กล่าวว่า ในความเห็นตนคิดว่าไม่น่ากระทบอะไร ที่สั่งฟ้องก็สามารถดำเนินคดีได้ แต่ทั้งนี้ต้องรอให้อัยการสูงสุด พิจารณาขั้นสุดท้ายอีกครั้ง โดยที่จะพิจารณานั้นก็เป็นความเห็นแย้งกับพยานหลักฐานในสำนวนเดิมที่พนักงานสอบสวนส่งมาให้อัยการพิจารณา อย่างไรก็ดีเหตุที่ไม่มีการสั่งให้สอบสวนเพิ่มในข้อหาที่สั่งไม่ฟ้องนั้น เข้าใจว่าอัยการภาค 7 เห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอหรือข้อหาที่ตั้งมานั้นอาจจะไม่เป็นความผิด ส่วนเรื่องคดีความแพ่งนั้นคงไม่ส่งผลกระทบต่อกัน

          "พล.ต.อ.ศรีวราห์" รอง ผบ.ตร.ซึ่งดูแลคดีนี้ กล่าวว่า วันนี้มาเรียนอัยการด้วยความเคารพถึงความเห็นแย้งในข้อหาเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่รับอนุญาต ที่ต้องมีกฎกระทรวงมีคำสั่ง กรมอุทยาน มีกฎระเบียบในการเข้าไป จากการศึกษาข้อกฎหมาย ต้องมีการยื่นคำร้อง จึงให้อัยการพิจารณาอีกครั้ง 

           ส่วนข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้าข้อหาล่าสัตว์ป่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำแล้ว ข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าทำไมไม่แบ่งหน้าที่กันทำซึ่งจะเป็นการลักลั่นกันหรือไม่ จึงให้อัยการพิจารณา หากอัยการสั่งเช่นไร ตนก็จะมารับทราบคำสั่งต่อไป โดยเคารพในคำสั่งของอัยการ และขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนการทำกฎหมายตามปกติ