จับ 2 หนุ่มลาวลอบส่งยาบ้ายึดกว่า 2 พันเม็ด

           เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 1 เม.ย.2561 พล ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ สืบทราบว่า แก๊งค้ายาเสพติดของนายยา ชาว สปป.ลาว มักลักลอบนำยาบ้าเข้ามาขายให้กับกลุ่มพ่อค้าชาวไทยเป็นประจำ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อารักษ์ มะสาธานัง ผกก สภ.ปากคาด พ.ต.ท.สมุทร สีดาราช รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ปกรณ์ ปัญญามงคล สว.สส.ร.ท.อมร จันหอม เจ้าหน้าที่ สถานีเรือ นรข.รัตนวาปี ร.ต.แดง พฤกษชาติ ทหารพรานกองร้อยที่ 2109 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอปากคาด วางแผนจับกุมโดยทำการล่อซื้อยาบ้า จำนวน 12 มัด หรือประมาณ 2,400 เม็ด จากนายยา เอเย่นต์ยาบ้าชาว สปป.ลาว โดยได้ตกลงโอนเงินเป็นค่ามัดจำล่วงหน้าไปให้ก่อน เป็นจำนวนเงิน 14,000 บาท หลังจากได้รับยาบ้าแล้วจะต้องโอนเงินส่วนที่เหลือจำนวน 106,000 บาทไปให้อีก หลังจากได้รับเงินมัดจำตามเงื่อนไข นายยาจึงได้นัดหมายให้ไปรับยาบ้าที่ริมโขงท่าเรือตู้เทพ เขตบ้านปากคาดมวลชน หมู่ที่ 1 ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ

           กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ไปซุ่มรออยู่ที่ท่าเรือสุเทพตามเวลาและสถานที่นัดหมาย พบเรือหาปลามีชายนั่งมา 2 คนกำลังพายเรือเข้ามายังฝั่งโดยไม่ได้ติดเครื่องยนต์ จากนั้นชายคนที่นั่งหัวเรือได้เดินขึ้นมาริมตลิ่งส่งยาบ้า จำนวน 2 มัดให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปลอมเป็นนักค้ายาบ้าแล้วรีบวิ่งไปลงเรือที่เพื่อนติดเครื่องยนต์รออยู่ จะขับนี้ไปยังฝั่ง สปป.ลาว ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารเรือที่ดักรออยู่ในน้ำโขง จึงได้ขับเรือเร็วตรวจการณ์ เข้าสกัดจับตัวทั้ง 2 คนไว้ได้ ทราบชื่อท้าววิลัยสัก หรือบึด จันทะลังสี อายุ 27 ปี และท้าวลิดทิเดด หรือโบ้ ไซยะวงอายุ 27 ปี ราษฎรบ้านหงส์ทอง เมืองท่าพระบาท แขวงบลิคำไซ สปป.ลาว จึงควบคุมตัวไปที่ สภ.ปากคาด และตรวจนับยาบ้า 2 มัด จำนวน 2,389 เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลางพร้อมเรือหาปลาและเครื่องยนต์เรือ ยี่ห้อ Honda GX270 จำนวน 1 ลำโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Samsung และ Vivo อย่างละ 1 เครื่อง ทั้ง 2 คนรับสารภาพว่าได้รับจ้าง เป็นเงิน 10,000 บาท โดยแบ่งกันคนละ 5,000 จากนายยาเพื่อให้นำยาบ้ามาส่งให้กับผู้ซื้อที่ท่าเรือตู้เทพดังกล่าว จึงแจ้งข้อหาทั้งสองคนว่า 1.“ร่วมกันนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” 2.“ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยไม่ได้รับอนุญาต” 3.“ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ 4.“เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป