ข่าว

ส่งสำนวน "คดีเจ๊บ้าบิ่น" พยานหวย30ล้าน ให้อัยการแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พงส.เมืองกาญจน์ ส่งสำนวนคดีเจ๊บ้าบิ่นพยานหวย 30 ล้าน ถึงมืออัยการแล้ว ส่วนทนายความ ขอบคุณ ผบ.ตร.อาจทำตามคำแนะนำ ดำเนินคดี ม.157 ต่อ จนท.

 

          26 มีนาคม 2561- ความคืบหน้ากรณีศึกแย่งชิงลอตเตอรี่รางวัลที่1ระหว่าง"ครูปรีชา"นายปรีชา ใคร่ครวญ" กับ"ลุงจรูญ"ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ที่ต่างฝ่ายอ้างความเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริง ซึ่งตำรวจกองปราบฯ เรียกสอบเค้น นางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น นางสาวพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช และ นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ นายแผน กระทั่งพยานหลายคนต้องตกเป็นผู้ต้องหาเสียเองตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

             ขณะเดียวกันได้มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษว่า นางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น ได้จำหน่ายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลหมายเลข533 726งวดที่41ชุดที่04 07 14 15 22ให้กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ในราคา700บาท โดยขายเมื่อวันที่31ตุลาคม2560ซึ่งขณะนั้นยังไม่ออกรางวัลจึงเป็นการขายสลากในราคาที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี  ได้มีหมายเรียกตัวผู้ต้องหา ไปถึง เจ๊บ้าบิ่น ตามหมายเรียกลงวันที่19กุมภาพันธ์2561ต่อมา เจ๊บ้าบิ่น ได้เข้าแสดงตัวต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่27กุมภาพันธ์2561และทราบข้อกล่าวหาตามบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่26กุมภาพันธ์2561พนักงานสอบสวนแจ้งว่า ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วและนัดหมายให้ เจ๊บ้าบิ่น มายังสำนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี

 

          เพื่อส่งสำนวนและตัวผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการ ซึ่งคดีนี้นับเป็นคดีที่3ที่ เจ๊บ้าบิ่น ถูกกล่าวหาและดำเนินคดีหลังจากที่ได้ไปเป็นพยานในคดีหวย30ล้านโดย2คดีแรก ได้แก่1.คดีที่พนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานที่พนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหายแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการและรู้ว่ามีได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิดโดยการแจ้งนั้นเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137 173 174 267และ832

 

          และ 2.คดีที่ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบ ได้กล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบว่า เจ๊บ้าบิ่น ได้กระทำผิดฐาน ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแต่คดีนี้แตกต่างจาก2คดีที่กล่าวถึง

 

         เนื่องจากเป็นคดีที่มีบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษจะเห็นได้ว่าจุดเริ่มต้นของคดีอาญาต่างๆ ที่ เจ๊บ้าบิ่น ถูกกล่าวหาให้ตกเป็นผู้ต้องหานั้นมาจากกรณีที่ นายปรีชา ใคร่ครวญ ได้เรียกร้องให้เจ้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบ

 

        ล่าสุดเมื่อเวลา11.00น.วันนี้26มี.ค.2561ที่สำนักงานอัยการ จ.กาญจนบุรี นางสาวรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าลอตเตอรี่ พยานฝ่ายครูปรีชา ใคร่ครวญ พร้อมด้วย นายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความส่วนตัว เดินทางไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อม พ.ต.ต.ชัยวัชริศ สิงห์สังข์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าของคดี เพื่อนำสำนวนคดีส่งให้กับพนักงานอัยการ ในคดีจำหน่ายลอตเตอรี่เกินราคา และพนักงานอัยการได้นัดหมายให้เจ๊บ้าบิ่น มาพบอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 29 มี.ค.นี้

 

          โดย นายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความส่วนตัว เจ๊บ้าบิ่น เปิดเผยว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นกรณีกลัดกระดุมเสื้อผิดเม็ดในตอนแรก แต่ต้องเรียกว่าใส่เสื้อผิดตัวหรือผิดงาน เพราะนับแต่มีการตรวจสอบพบว่า ร.ต.ท.จรูญ เป็นผู้นำสลากไปขึ้นเงินจากกองสลากในขณะที่ ครูปรีชา ก็ได้แย้งว่าสลากชุดนั้นเป็นของเขานั่นคือการโต้แย้งสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของสลากได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องทางแพ่งคือเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันว่าใครเป็นผู้มีสิทธิ์ดีกว่าหรือพูดง่ายๆ คือใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง

 

        ร.ต.ท.จรูญ ในฐานะเป็นผู้ครอบครองนำสลากไปขึ้นเงินแต่เป็นข้อสันนิษฐานที่ไม่เด็ดขาด และทาง ครูปรีชาก็มีพยานยืนยันว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริง ดังนั้นข้อโต้แย้งนี้จึงเป็นควรคดีที่ให้ศาลพิพากษาและเป็นคดีทางแพ่ง และเมื่อพิสูจน์ในคดีแพ่งจนเสร็จสิ้นแล้วว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ค่อยมาดูว่ามีการกระทำความผิดอาญาได้หรือไม่และยังติดใจดำเนินคดีอาญานั้นหรือไม่ แต่จุดที่ผ่านมาคือตำรวจได้รับแจ้งความเป็นคดีอาญาในวันที่รู้ผลการตรวจสอบจากกองสลาก โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า ร.ต.ท.จรูญ ลักทรัพย์หรือรับของโจรนั่นคือตำรวจได้ทำตัวเสมือนเป็นผู้ตัดสินเสียเองว่าสลากกินแบ่งชุดพิพาทนี้เป็นของ ครูปรีชา โดยไม่ทราบว่าจะได้มีการแนะนำให้ไปใช้สิทธิ์ฟ้องกันในคดีแพ่งก่อนหรือเปล่า จึงกลายเป็นว่ามีการนำเอาวิธีทางคดีอาญามาใช้ในเรื่องนี้ก่อนมีการฟ้องคดีแพ่ง

 

        หลังจากนั้นก็เกิดร้องเรียนเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนจนเป็นคณะสอบสวนของกองปราบแล้วก็เริ่มที่จะนำเอาหลักฐานในคดีอาญาไปใช้ในคดีแพ่ง ซึ่งเชื่อว่าในคดีแพ่งคงมีการระบุพยานเกี่ยวกับพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวนและผลการสอบสวนรวมถึงผลของการที่ได้มีการจับกุม ครูปรีชา และ เจ๊บ้าบิ่น ซึ่งถ้ามีกรณีอย่างนี้จริงคำว่าการกระทำเป็นกระบวนการน่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำของใครกัน แต่ไม่น่าจะจาก ครูปรีชา หรือ เจ็บ้าบิ่น ดังนั้นผลเพราะการใส่เสื้อติดตัวนี้จึงเกิดความลำบากแก่พยานคือ เจ๊บ้าบิ่น ซึ่งว่าไปแล้วเขาควรจะเป็นพยานในทางแพ่ง คือในเรื่องการพิสูจน์ว่าใครคือเจ้าของสถานที่แท้จริง แต่ เจ๊บ้าบิ่น กลับกลายเป็นพยานในการสอบสวนคดีอาญาและกลายเป็นผู้ต้องหากรณีการเป็นพยานของ เจ๊บ้าบิ่น

 

         ต่างจาก นายแผน เพราะ เจ๊บ้าบิ่น นี้เป็นพยานในทางแพ่งในเรื่องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของตลาดแต่ นายแผน เป็นพยานในส่วนอาญาที่พิสูจน์ว่าใครเป็นคนเก็บสลากไป แต่อย่างที่กล่าวแล้วว่าเป็นการนำคดีอาญามาดำเนินการก่อนมีผลของคดีแพ่ง จึงเกิดเรื่องสับสนเช่นนี้ แม้แต่ เจ๊บ้าบิ่น เองนั้นก็พยายามที่จะเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้กับตัวเองด้วยโดยได้มีการร้องขอให้ท่าน ผบ.ตร.ได้กรุณาทบทวนถึงการสอบสวนที่ไม่ชอบธรรมในคดีนี้ด้วย ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่าท่าน ผบ.ตร.ได้ปฏิเสธ

 
        อย่างไรก็ตามท่านก็ได้กรุณาให้คำแนะนำว่าหากเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีต่างๆ นั้นไม่ถูกต้อง ถ้าใช้สิทธิ์ฟ้องคดีได้เอง ซึ่งหากปรากฏว่ามีการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนหรือของเจ้าหน้าที่ท่านใดเป็นไปในทางผิดกฎหมายหรือประพฤติไม่ชอบก็คงดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาล ตามคำแนะนำของท่าน ผบ.ตร.ต่อไป โดยต้องขอขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่งที่แนะนำ  นอกจากนี้กรณีที่ เจ๊บ้าบิ่น ได้ยื่นขอความเป็นธรรมต่อท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอให้ดำเนินการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือDSIเข้ารับทำการสอบสวนคดีนี้แม้ว่า เจ๊บ้าบิ่น จะพอรู้ผลของการร้องขอความเป็นธรรมในกรณีนี้มาก่อนแล้วว่าจะไม่เป็นผลก็ตาม แต่ที่ยื่นร้องขอความเป็นธรรมไปก็เพื่อที่จะต้องการให้เกิดข้อพิจารณาว่า

 

        หากพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรมก็จะเกิดผลร้ายแก่ประชาชน จึงอยากให้มีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้มีช่องทางที่จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือDSIเข้ามาถ่วงดุลอำนาจการสอบสวนให้มากขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

 

        สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า จะมีการชวน ให้เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม ม.44ชี้ขาดในเรื่องพิพาทหวย30ล้านนั้น เชื่อว่าเป็นการพูดเล่นพูดประชดประชันกันมากกว่าเพราะแม้ว่าจะมีการเข้ายึดอำนาจโดย คสช. แต่เห็นได้ว่าการบริหารประเทศของเรายังมีอำนาจบริหารอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจตุลาการเพียงยังไม่สมบูรณ์ตามรูปแบบเท่านั้น แต่โดยเฉพาะในอำนาจตุลาการนั้นท่านนายกไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือใช้ ม.44เลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอำนาจตุลาการยังสมบูรณ์อยู่ เพียงแต่ในกระบวนการยุติธรรมในคดีอาญานั้นมีเจ้าพนักงานอยู่หลายส่วนเป็นลำดับ

 

        โดยเริ่มจากพนักงานสอบสวนพนักงานอัยการแล้วจึงถึงศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้คือเพียงอยู่ในขั้นการสอบสวนเท่านั้นและดังที่กล่าวและว่าหากได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็คงจะใช้สิทธิ์ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาล ที่มีเขตอำนาจต่อไป

 

        กรณีที่สลากกินแบ่งรัฐบาลหมายเลข533 726ได้หายไปโดยมี เจ๊บ้าบิ่น ได้ให้การเป็นพยานว่าเป็นคนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวให้กับ ครูปรีชา และหลังจากได้รับแจ้งจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า ผู้ที่นำสลากฯมาขึ้นเงินคือ ร.ต.ท.จรูญ ก็ปรากฏว่า ได้มีการแจ้งความดำเนินคดี และมีการสอบสวน เจ๊บ้าบิ่น เป็นพยาน โดยมีการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนหลายคนหลายคณะและหลายครั้งประมาณกว่า10ครั้ง โดยทุกครั้ง เจ๊บ้าบิ่น ได้ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอดและจนกระทั่งในครั้งสุดท้ายที่มีการสอบสวนในฐานะพยานที่สำนักงานตำรวจทางหลวงอำเภอพนมทวนเมื่อวันที่15กุมภาพันธ์2561สอบสวนโดยพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามซึ่งเป็นการสอบสวนพยานที่ยาวนานถึง18ชั่วโมง

 

       หลังจากนั้น ก็ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนของกองบังคับการกองปราบปรามได้ใช้อำนาจตามกฎหมายโดยเลือกที่จะร้องขอต่อศาลเพื่อออกหมายจับ เจ๊บ้าบิ่น และทำการจับกุมทันทีเหมือนดังกับว่าเป็นผู้ร้ายในคดีอุกฉกรรจ์ กรณีดังกล่าวแม้ว่าตามกฎหมายแล้วพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามจะสามารถทำได้ก็ตาม แต่เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายโดยใช้หลักแห่งความชอบธรรมมาพิจารณาร่วมกับการใช้อำนาจนั้นหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการใช้อำนาจของพนักงานสอบสวนกรณีนี้ถือว่ามีความเหมาะสมกับกรณีของ เจ๊บ้าบิ่น ที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานด้วยดีมาตลอดแล้วหรือไม่ เรื่องนี้ก็ฝากช่วยพิจารณาด้วย

 

       ในขณะที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในคดีร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบซึ่งเป็นคดีที่โทษจำคุกสูงกว่ากลับเลือกที่ออกหมายเรียกผู้ต้องหาคือ เจ๊บ้าบิ่น ซึ่งก็ได้เข้าแสดงตัวต่อพนักงานสอบสวนในคดีนี้โดยดี

 

      จากกรณีการใช้อำนาจของเจ้าที่ที่กล่าวมานั้นเป็นส่วนหนึ่งทำให้ เจ็บ้าบิ่น รู้สึกว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจหน้าที่มาคุกคามและรู้สึกไม่ปลอดภัยกับการใช้ชีวิตโดยปกติสุขและมีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพตลอดจนเกิดความกดดันต่อสภาวะจิตใจ เกิดความกลัว และความหวาดระแวง ซึ่งผลกระทบดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเกิดต่อ เจ๊บ้าบิ่น เท่านั้นแต่คนที่เป็นพยานอื่นๆ ก็เกิดความกลัวความระแวงกันถ้วนหน้า จนพยานบางคนต้องออกมาเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้กับตัวเอง

 

       ด้านเจ๊บ้าบิ่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆว่า คดีนี้ตนได้ปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวนไปแล้ว และยังคงจะยืนยันคำให้การตามเดิมคือ ลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 นั้นตนเป็นคนขายให้กับครูปรีชา ใคร่ครวญ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ