ข่าว

ชายไล่ตีนิสิตสาว หวังทรัพย์ แต่แกล้งบ้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่แท้แกล้งบ้า!!ชายไล่ตีหัวนิสิตสาวหน้าสตช.ต้องการชิงทรัพย์หาเงินกลับนครปฐมแต่วิ่งไม่ทันเหยื่อ-แกล้งบ้าหากถูกจับโทษจะเบาลง จนท.คุมตัวส่งพนง.สอบสวนเพื่อดำเนินคดี

 

         จากกรณีน.ส.จารุภรณ์ นันทกิจ อายุ 21 ปี นักศึกษา ชั้นปี 3 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านบางเขน ถูกคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 35-40 ปี สูงประมาณ 170 ซม. สันทัด ผิวดำแดง ทรงผมสั้น สวมเสื้อยืดกีฬาทีมเชลซี สกรีนด้านหลังหมายเลข9 มีข้อความบนเสื้อสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีเข้ม และใส่รองเท้าแตะแบบสวมสีดำ-น้ำตาล เดินเข้ามาทางด้านหลังใช้อาวุธท่อนเหล็กยาวตีใส่ จนได้รับบาดเจ็บ

         ก่อนเดินหลบหนีมุ่งหน้าแยกอังรีดูนังต์ โดยเหตุเกิดที่บริเวณริมฟุตบาทหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม1 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่ 21 มีนาคม เวลาประมาณ 10.52 น. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทันที จนพบภาพใบหน้าคนร้ายอย่างชัดเจน ซึ่งผลปรากฎชายดังกล่าวเป็นบุคคลคล้ายวิกลจริต ซึ่งเดินเร่ร่อนอยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งไม่ได้มีความบาดหมางแต่อย่างใดมาก่อนกับทางผู้เสียหาย

         ล่าสุดเมื่อเช้า วันที่ 23 มีนาคม 2561 มีรายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุทางตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน และ ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 ร่วมกันนำกำลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า หลังก่อเหตุคนร้ายเดินเข้าไปในประตูวิทยาลัยพยาบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเข้าไปเขย่าประตูกองบังคับการ

         จากนั้นทางรปภ.ที่อยู่บริเวณนั้น จึงได้ไล่ออกมา ก่อนที่คนร้ายได้มานั่งพักบริเวณใกล้กับประตูสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้านถนนอังรีดูนังต์ และได้ถอดเสื้อกีฬาสีดำของทีมเชลซี สกรีนเบอร์ 9 ไปไว้ในรถตู้ตำรวจที่จอดบริเวณนั้น คล้ายจะอำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 

 

ชายไล่ตีนิสิตสาว หวังทรัพย์ แต่แกล้งบ้า

       ต่อมาคนร้ายได้เดินถอดเสื้อถือขวดน้ำเดินมุ่งหน้าแยกอังรีดูนังต์อีกครั้งก่อนหายไป จากนั้นทางชุดสืบสวนได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณถนนอังรีดูนังต์ จนพบว่าคนร้ายได้เปลี่ยนชุดโดยสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีเทา เพื่ออำพรางสายตาเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังได้แบ่งกำลังนำภาพจากกล้องวงจรปิดไปแห่ตามสถานนีรถไฟหัวลำโพง ตลอดจนสถานที่ที่มีคนเร่ร่อนอาศัยอยู่

         อย่างไรก็ตามมีเบาะแสอีกว่ามีพลเมืองดีระบุว่าเคยเห็นบุคคลดังกล่าวมักจะมาอาศัยอยู่ภายในสวนลุมพินีบ่อยครั้ง ซึ่งทางตำรวจต้องขอเวลาทำงานก่อน เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

        กระทั่งเวลา 12.00 น. วันที่ 23 มีนาคม 2561  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากตำรวจทุกฝ่ายของ สน.ปทุมวัน และฝ่ายสืบสวน บก.น.6 พร้อมภาพจากกล้องวงจรปิดลงพื้นที่ตระเวนหาคนร้ายที่ก่อเหตุใช้ท่อนเหล็กไล่ทำร้ายฟาดศีรษะนิสิตสาวที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

         ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ได้พบเห็นคนร้ายตามรูปพรรณสันฐานที่ปรากฏจากภาพกล้องวงจรปิดที่บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง จึงได้เข้าควบคุมตัว ทราบชื่อต่อมา นายคัชรินทร์ คล้ายแจ่ม อายุ 39 ปี ชาว.จ.พิษณุโลก จากการสอบถามในเบื้องต้นยังถามตอบไม่รู้เรื่อง ลักษณะคล้ายคนวิกลจริต อย่างไรก็ตามจะควบคุมตัวให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำอีกครั้ง และพิจารณาส่งตรวจที่โรงพยาบาลเกี่ยวกับอาการทางจิตว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตหรือไม่ ขณะดียวกันก่อนหน้านี้ศาลแขวงปทุมวัน ได้อนุมัติหมายจับชายดังกล่าวตามหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ลงวันที่ 23 มีนาคม 2561 ในข้อหา ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ

 

 

ชายไล่ตีนิสิตสาว หวังทรัพย์ แต่แกล้งบ้า

         ต่อมาเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน ภายนำตัวนายนายคัชรินทร์ มาสอบปากคำอย่างละเอียด โดยมี พล.ต.ต.ดุสิต สมศักดิ์ ผบก.น.6 เป็นผู้สอบสวนด้วยตัวเอง ภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ ว่า อยากได้เงินกลับ จ.นครปฐม จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบ เลยลงมือทำตามที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิด แต่วิ่งตามผู้เสียหายไม่ทัน และไม่ได้เป็นคนวิกลจริต หรือ คนบ้า แต่อย่างใด ที่เห็นแสดงท่าทางเหมือนคนบ้าพูดจาไม่รู้เรื่อง เพราะตั้งใจแกล้งทำ

 

 

ชายไล่ตีนิสิตสาว หวังทรัพย์ แต่แกล้งบ้า

         “ผมคิดจะชิงทรัพย์เหยื่อที่เป็นผู้หญิงที่เดินมาบริเวณแถวนั้น เพราะตัวเองเพิ่งถูกให้ออกจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านพุทธมลฑลสาย 4 ได้เพียง 2 วัน ซึ่งก่อนเกิดเหตุจะไปหาลูกแต่ไม่มีเงิน เมื่อเห็นผู้หญิงเดินมาจึงก่อเหตุดังกล่าว และที่แกล้งบ้า เพราะคิดว่าถ้าหากถูกจับโทษจะเบา” นายคัชรินทร์ กล่าว

         ทั้งนี้จากการตรวจประวัติทางการรักษาอาการทางจิตของนายคัชรินทร์ พบว่าไม่มีประวัติแต่อย่างใด โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาพยายามชิงทรัพย์และทำร้ายผู้อื่นต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ