ข่าว

โชเฟอร์ทัวร์มรณะ 18 ศพวังน้ำเขียวเจอข้อหาหนัก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตร.รวบโชเฟอร์ทัวร์มรณะ 18 ศพวังน้ำเขียว บาดเจ็บทนไม่ไหวโผล่จากป่าแอบซ่อนตัว อ้างเบรกแตกควบคุมรถไม่ได้ ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายจ่อแจ้งข้อหาหนัก

     คืบหน้าอุบัติเหตุรถทัวร์ท่องเที่ยว 2 ชั้น ทะเบียน 30-016 กาฬสินธุ์ เสียหลักพลิกคว่ำ บริเวณถนนสาย 304 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี หลักกิโลเมตรที่ 242 โค้งลงเขามะกรูดหวาน ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เมื่อค่ำวานนี้ (21 มี.ค.) จนสภาพรถพังยับทั้งคันมีผู้โดยสารประมาณ 50 คน ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในซากรถและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยเบื้องต้นพบศพผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 10 ราย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา ได้ใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้บาดเจ็บจากซากรถเพื่อลำเลียงส่งไปรักษาที่ รพ.วังน้ำเขียว รพ.ปักธงชัย รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รพ.กรุงเทพราชสีมา และรพ.มหาราชนครราชสีมา อย่างโกลาหล

     หลังเกิดเหตุ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายอำเภอวังน้ำเขียว หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์พร้อมทั้งระดมกำลังจากหน่วยงานต่างๆในพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือ ประกอบด้วย รถไฟส่องสว่าง รถกู้ภัยเอนกประสงค์ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา ตำรวจภูธรนครราชสีมา และหน่วยกู้ชีพจากโรงพยาบาลในพื้นที่ ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ารถทัวร์นำเที่ยวคันดังกล่าวเป็นรถเช่าเหมานำชาวบ้านจาก ต.หลุบและต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ไปเที่ยวทะเลที่ จ.จันทบุรี และกำลังเดินทางกลับบ้าน พร้อมซื้อของฝากและอาหารทะเลมาเต็มคันรถ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางลงเขาและเป็นทางโค้งรถทัวร์เกิดเสียหลักได้พุ่งข้ามเลนไปชนเพิงพักขายสินค้าและต้นไม้จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว

     ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าอุบัติเหตุว่า มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่นครราชสีมา ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตรวม 18 ราย แยกเป็นหญิง 12 ราย และชาย 6 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 32 ราย โดยทั้งหมดเป็นชาวบ้านจากพื้นที่ 2 ตำบล ประกอบด้วย ต.หลุบ และต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งชาวบ้านได้เหมารถทัวร์ท่องเที่ยวไปเที่ยวทะเลที่จันทบุรี และขณะเกิดเหตุกำลังเดินทางกลับบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากระบบเบรกมีปัญหาและเบรกแตก เพราะช่วงระยะทางก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร ผู้ได้รับบาดเจ็บและรอดชีวิตบอกว่ารถวิ่งส่ายไปมา ได้กลิ่นนเหม็นไหม้ ก่อนได้ยินเสียงคนในรถตะโกนบอกว่ารถเบรกไม่อยู่เบรกแตก ผู้โดยสารส่วนหนึ่งทราบระบบห้ามรถไม่สามารถทำงานได้ ต้องเกิดอันตรายอย่างแน่นอน จึงพากันไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใต้เบาะผู้โดยสาร จากนั้นรถทัวร์ก็วิ่งลงเนินเขาอย่างเร็ว และปีนข้ามแท่งปูนกั้นเกาะกลางถนนพุ่งข้ามไปยังฝั่งถนนอีกเลนชนเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ และร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมทางอีกทั้งหมดรวม 5 ร้านจนพังยับเยิน 

     ทั้งนี้จากการตรวจสอบระบบสัญญาณจีพีเอสของรถทัวร์คันดังกล่าวพบว่าในช่วงก่อนเกิดเหตุวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ทำให้คาดว่าสาเหตุอุบัติเหตุครั้งนี้น่าจะเกิดจากระบบเบรกของรถทัวร์อย่างไรก็ตามยังตรวจสอบไม่พบตัวผู้ขับขี่รถทัวร์คันดังกล่าวและยังไม่ทราบว่าเสียชีวิตด้วยหรือไม่

     "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็รู้สึกเป็นห่วงประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยได้สั่งการให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม โทรศัพท์มาสอบถามความคืบหน้าตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รายงานให้ทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง สำหรับถนนเส้น 304 นี้ ทางจ.นครราชสีมาทราบดีว่าเป็นจุดอันตรายเนื่องจากเป็นทางขึ้นลงเขาซึ่งพื้นถนนมีสภาพดีแต่มีความลาดชันมาก จึงได้ประสานกับกรมทางหลวงวางมาตรการป้องกันอุบัติเหตุไว้อย่างเข้มงวด โดยการตีเส้นขวางติดป้ายเตือนและตั้งแท่นแบริเออไว้อย่างครบถ้วนรวมทั้งมีการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งเตือนให้ระวังอุบัติเหตุ ซึ่งจากการวางมาตรการเข้มงวดที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุใหญ่แม้แต่ครั้งเดียว เพียงแต่ครั้งนี้เกิดจากสภาพรถที่ขัดข้องเรื่องเบรกแตกเท่านั้น ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาลก็ได้สั่งการให้ทุกโรงพยาบาลรักษาอาการผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่"ผู้ว่าฯนครราชสีมากล่าว

     นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตที่รพ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยได้ประสานไปยังหน่วยกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา ให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิตกลับไปยัง จ.กาฬสินธุ์ โดยไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ยังได้ประสานไปยังบริษัทประกันภัยให้เร่งดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเร่งด่วนแล้ว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะได้ค่าเสียหายจากบริษัทประกันศพละ 300,000 บาทขึ้นไป

     ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่รพ.วังน้ำเขียว มีญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตเริ่มทยอยเดินทางไปติดต่อเพื่อขอรับศพแล้วโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งพิสูจน์ศพแต่ละรายให้ชัดเจนว่าเป็นใครเพื่อมอบให้ญาตินำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

     นางสมจิตร จำปาศรี ผู้โดยสารที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุรถทัวร์วิ่งส่ายไปมาเป็นระยะทางยาวและก็ได้ยินเสียงคนในรถตะโกนบอกว่ารถเบรกไม่อยู่เบรกแตก ผู้โดยสารหลายคนได้ก้มตัวหมอบลงในรถจากนั้นรถก็เสียหลักพุ่งข้ามแท่งปูนกั้นเกาะกลางถนนชนกับต้นไม้และร้านค้าที่อยู่ริมทางยังถนนอีกฝั่ง ซึ่งหลังเกิดเหตุเห็นผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดจำนวนมาก

     สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตจำนวน 18 ราย ประกอบด้วย 1.นางนภาวรรณ จำปาศรี 2.ด.ญ.พรรณวดี ถิตย์ถนอม 3.นางสมพิศ สุทธิชุม 4.ด.ช.ชนาธิน พลไกรษร 5.นายประยุง วังพิกุล 6.นางละม่อม อังคะแสน 7.น.ส.เพลินพิศ จำปาศรี 8.นายวิรุฬห์ ตะก้อง 9.นางทองสอน ปรีวิลัย 10.ด.ญ.ปวีณ์สุดา วังพิกุล 11.นายโฆษิต เพชรสังหาร 12.นางบุญชิต สุทธิชุม 13.นางวรรณา จำปาศรี 14.น.ส.จิราภรณ์ ไชยกำปัง 15.นางสายธาร สุทธิชุม 16.นายสีไพร เผือดผุด 17.นางเรียน ธารวาวแวว และ18.หญิงไทยไม่ทราบชื่อ 1 ราย โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานเพื่อส่งกลับภูมิลำเนาหรือให้ญาติมารับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

โชเฟอร์ทัวร์มรณะ 18 ศพวังน้ำเขียวเจอข้อหาหนัก

     มีรายงานว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลผู้ขับขี่รถโดยสารคันดังกล่าว ระบุชื่อคนขับคือ นายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 45 ปี ใบอนุญาตขับรถ ชนิด ท 2 เลขที่ 584/42 สิ้นอายุ 26 เมษายน 2562 เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้ระดมค้นหาแต่ไม่พบในรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด คาดว่าใช้ช่วงชุลมุนหลบหนีไปหลังเกิดอุบัติเหตุ 

    จนกระทั่งเมื่อเวลา 12.30 น.นายกฤษณะได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในสภาพมีบาดแผลถลอกตามแขนขา ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากจึงใช้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนี ต่อมาบาดแผลเริ่มอักเสบทำให้เจ็บแผลมากจึงตัดสินใจเข้ามอบตัว ส่วนสาเหตุระบุว่าจากระบบห้ามล้อชำรุดในระหว่างลงเขาวังน้ำเขียวได้พยายามควบคุมรถแต่ความลาดชันของเส้นทางทำให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นสุดวิสัยที่จะบังคับได้ ซึ่งตรงกับคำให้การของผู้โดยสารได้กลิ่นเหม็นไหม้ที่ใต้ท้องรถและรถส่ายไปมาก่อนเกิดเหตุ

     ด้าน พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ตำรวจ สภ.อุดมทรัพย์ สามารถควบคุมตัวคนขับรถทัวร์ไปสอบสวนแล้ว เบื้องต้นให้การรับสารภาพบอกว่าขณะเกิดเหตุคุมรถไม่ได้เนื่องจากเบรกแตก จากการตรวจรพบสารเสพติดในร่างกายจึงต้องทำการตรวจให้ละเอียดอีกครั้งว่าเป็นสารเสพติดชนิดใด ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน เตรียมตั้งหลายข้อหา เช่น ข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีสารเสพติดในร่างกาย

      ขณะที่ นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า จากการตรวจวัดความเร็วด้วยระบบสัญญาณจีพีเอส ครั้งล่าสุดที่กรมการขนส่งทางบกสามารถตรวจวัดได้คือ พบใช้ความเร็ว 83 กม.ต่อชั่วโมง ถือว่าเร็วเกินไป ซึ่งจุดที่เกิดเหตุบริเวณถนนสาย 304 มีทางโค้งและลาดชันเป็นทางยาว หลังจากนี้กรมการขนส่งทางบก จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามผลคดีอย่างใกล้ชิด และเรียกผู้ประกอบการขนส่งและผู้ขับรถมาชี้แจงข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยจะได้พิจารณาลงโทษขั้นสูงสุดในทุกกรณีความผิด รวมไปถึงการเพิกถอนใบอนุญาตด้วย

     เวลา 17.30 น. นายอาคม เติมพิทยาคม รมว.คมนาคม พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมกับกำชับให้ทางหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา ได้อำนวยความสะดวกให้กับญาติผู้เสียชีวิต และดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคนอย่างเต็มที่ พร้อมกับประสานบริษัทประกันภัย เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินกรมทันช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังได้เตรียมนำข้อมูลของถนนสาย 304 เพื่อที่จะไปวิเคราะห์วางแผนป้องกันอุบัติเหตุตามจุดเสี่ยงต่างๆ อย่างเข้มงวด ก่อนที่คณะทั้งหมดจะเดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

     วันเดียวกัน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย ปลัดจังหวัด นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ นายเอกพงษ์ ศรีโคตร นายกเทศมนตรีตำบลห้วยโพธิ์ เจ้าหน้าที่ คปภ.จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมทุกภาคส่วน ได้เข้าไปติดตามสอบถามกับญาติผู้เสียชีวิต โดยไปที่บ้านพักของนางสมพิศ สุทธิชุม ผู้จัดนำเที่ยวครั้งนี้และได้เสียชีวิตโดยเฉพาะครอบครัวนี้เสียชีวิตถึง 4 ราย ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด โดยญาติพี่น้องส่วนใหญ่ยังทำใจไม่ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

     นายไพโรจน์ วังพิกุล อายุ 58 ปี กล่าวว่า เป็นญาติของ นางสมพิศ ที่เป็นผู้จัดนำเที่ยว และทราบข่าวเมื่อคืนนี้จนมารู้ว่าเฉพาะบ้านหลังนี้ เสียชีวิตทั้งหมด 4 คน เป็นสามีของนางสมพิศ นางสมพิศ และหลานอีก 2 คน รู้สึกเสียใจมากเพราะครอบครัวนี้กำลังดำเนินธุรกิจได้ดีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็คงต้องรอรับศพแต่ก็ดีใจที่พ่อเมืองกาฬสินธุ์ไม่ทอดทิ้งมาช่วยและให้กำลังใจ

    ด้านนายไกรสร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางกันเองในรูปแบบครอบครัวกลุ่มธุรกิจโรงสีขนาดเล็ก มีนางสมพิศ เป็นผู้นำและได้ว่าจ้างรถบัสกันเองทัวร์ เดินทางตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม เวลา 20.00 น. และกำหนดกลับในวันที่ 21 มีนาคม แต่ก็มาประสบอุบัติเหตุใหญ่ 

     “ได้ระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนให้ออกมาช่วยดูแลไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และสาธารณสุข รวมไปถึง สำนักงานคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจังหวัดกาฬสินธุ์ (คปภ.) ทราบว่ารถบัสคันดังกลางได้ทำประกันภัยเอาไว้เป็นของบริษัทอาคเนย์ประกันภัย และยังมีการสมัครประกันภัยแบบสมัครใจ เบื้องต้น ในจำนวนผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยรายละ 650,000บาท และจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการให้ โดยใช้สถานที่คือสำนักงานเทศบาลตำบลห้วยโพธิ์เป็นจุดตรวจสอบในการเรียกเอกสารเพื่อรับเงินชดเชย”นายไกรสรกล่าว

      ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวอีกว่า สำหรับยอดผู้เสียชีวิตได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ทราบว่าตัวเลขยังไม่นิ่ง ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บก็ยังคงตรวจสอบอยู่ ทั้งนี้จำนวนผู้เดินทางไปกับรถบัสมีจำนวน 47 คน และหากรวมคนรถและคนขับก็ประมาณ 50 คน ในส่วนของชื่อคนขับรถกำลังเร่งสอบถาม อย่างไรก็ตามได้ตกลงกันว่าเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยนคราราชสีมาจะทยอยนำศพผู้เสียชีวิตมาไว้ที่สมาคมพ่อค้าจังหวัดกาฬสินธุ์ ในเขต อ.เมืองกาฬสินธุ์ ที่คาดว่าจะเดินทางมาถึงประมาณ 17.00 น. เพื่อให้ญาติมารับศพ ส่วนการประกอบพิธีทางศาสนาก็คงตกลงกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามต่อจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบสภาพรถทุกคันเพื่อถือเป็นอุทาหรณ์ โดยเฉพาะขณะนี้ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ทราบว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นเพราะเบรกแตก ซึ่งยอมรับว่าประเทศเราใช้รถบัสสองชั้นมานานแล้วแต่เราก็มีมาตรการดูแลควบคุมอยู่แล้ว

     ส่วนมาตรการป้องกันดูแลอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะนี้มีมาตรการความปลอดภัยให้กับประชาชนมากอยู่แล้วและคิดว่าคงยังไม่มีมาตรการใหม่ออกมาเพิ่มเติมโดยมาตรการที่ยังคงใช้อยู่คือเมาแล้วขับปรับยึดรถซึ่งอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากเมาสุราแล้วขับรถและง่วงแล้วขับรวมถึงขับขี่รถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ผู้สื่อข่าวถามว่าปีนี้นายกฯไม่อยากให้จัดเก็บสถิติผู้เสียชีวิต พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มาตรการดูแลต่างๆหากมีประชาชนเสียชีวิตหนึ่งคนก็ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ดังนั้นก็ต้องพยายามไม่ให้ประชาชนเสียชีวิตให้ได้

     พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักร์ทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้แสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำชับเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนโดยตลอดให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเนื่องจากเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันอุบัติเหตุที่อย่างน้อยก็ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเกิดความตระหนักถึงกฎจราจรซึ่งจะส่งผลให้เกิดความปลอดภัยนอกจากนี้ยังประชาสัมพันธ์ถึงจุดที่มีความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเส้นทางหลวงหลักต่างๆที่แม้ว่าบางครั้งผู้ขับขี่อาจจะมีความคุ้นเคยกับเส้นทางแต่ก็อาจจะเกิดความประมาทหรือมีความเหนื่อยล้าหรือกรณีที่รถโดยสารมีการรับคนเกินจำนวนซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่นกรณีรถตู้ที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อปีที่แล้ว

     ทั้งนี้ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุมีไม่กี่เรื่อง 1.ตัวผู้ขับขี่มีความพร้อมเพียงพอหรือไม่ 2.รถยนต์มีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ 3.ความสมบูรณ์ของท้องถนน และส่วนที่ 4.คือเหตุต่างๆที่คาดไม่ถึง ซึ่งหากเราสามารถป้องกันอุบัติภัยโดยการขจัดปัญหาหรือสาเหตุต่างๆไปได้อุบัติเหตุต่างๆก็น่าจะลดลง

     “สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ผบ.ตร.เน้นย้ำในเรื่องการปฐมพยาบาลผู้ป่วยเบื้องต้นเนื่องจากที่ผ่านมาหากดูสถิติแล้วในเรื่องของการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุนั้นมีความสำคัญมากรวมไปถึงการประสานงานกับหน่วยงานอื่นในการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้มีความพร้อมซึ่งหลังจากนี้จะมีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมต่อไป”รองโฆษกสตช.กล่าว

     ขณะเดียวกันยังเกิดอุบัติเหตุรถบัสขึ้นอีก โดยเมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้(22 มี.ค.) ร.ต.อ.ฮมร ธารีนาถ รองสว(สอบสวน)สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุรถบัสตกข้างทางมีผู้ได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดบริเวณถนนสายเอเชียขาล่องเข้ากรุงเทพฯหลักกมที่26 หมู่ 2 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อยุธยารวมใจ พบจุดเกิดเหตุมีรถบัสปรับอากาศ 2 ชั้น ทะเบียน 30-0181 นครสวรรค์ พลิกตะแคงข้างทาง สภาพด้านหน้าและตัวถังรถเสียหายยับเยินภายในรถมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายเป็นเด็กนักเรียนโดยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยลำเลียงส่งรพ.สมเด็จพระสังฆราช อ.นครหลวง ส่วนใหญ่บาดเจ็บศรีษะแตกและได้รับบาดเจ็บไม่สาหัสมาก

     จากการสอบสวนทราบว่ารถบัสดังกล่าวรับนักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนบ้านโนนใหญ่ จ.กำแพงเพชร เพื่อไปทัศนศึกษาที่ จ.ชลบุรี โดยมี นายอุดม ลีลา ผู้อำนวยการโรงเรียนควบคุม แต่ขณะขับถึงจุดเกิดเหตุมีฝนตกลงมาทำให้ถนนลื่นจนรถเสียหลักพุ่งชนศาลาที่พักผู้โดยสารริมทางและไถลลงไปข้างทาง ซึ่งภายในรถมีนักเรียนจำนวน 21 คน และครู 10 คน รวมทั้ง นายชวลิต อยู่ยืน อายุ 45 ปี คนขับได้รับบาดเจ็บคนละเล็กละน้อยนำตัวส่งรพ.โดยทั้งหมดอาการปลอดภัยแล้ว

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ