ตำรวจท่องเที่ยวไทยประสานความร่วมมือตำรวจสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายนายฉีเคอกลางเมืองดูไบ
ตามนโยบายรัฐบาลและการปฏิบัติการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่หลอกหลวงประชาชนได้รับความเดือดร้อน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศก.ฉปทน.ตร.) โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ ได้ทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง และจากการสืบสวนขยายผลการจับกุม นายฉีเคอ ผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ซึ่งถูกตำรวจจับตัวได้ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ และได้ติดตามจับกุมโปรแกรมเมอร์ชาวไต้หวัน ซึ่งเพิ่งเดินทางจากดูไบมายังประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่คอยตระเวนกดเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชน ทั้งนี้ จากการขยายผลจนสืบทราบว่ามีเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จึงได้ประสานความร่วมมือผ่าน นายรังสรรค์ ศรีมังกร รองกงศุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ
ต่อมาวันที่ 19 มีนาคม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.1 บช.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 บช.ทท. พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.บช.น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ตม.จว.จันทบุรี / รอง โฆษก ตร. พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิศมัย รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.บช.น. พ.ต.ท.ศิลา ตันตระกูล สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.บช.ก. พ.ต.ต.พรชัย สุขเจริญ สว.สส.สน.วัดพระยาไกร ร.ต.อ.นที คุ้มล้วนล้อม สว.งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. ร.ต.ต.สถาพร เทศบรรทัด รอง สว.(อก.) ฝอ.6 บก.อก.บช.ทท. ร่วมประชุมหารือ ณ สำนักงานใหญ่ตำรวจดูไบ โดยมี พล.ต.อับดุลลา คาลีฟา อัลมารี ผู้บัญชาการตำรวจดูไบ ให้การต้อนรับ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูล หลังสืบทราบว่ายังมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์คอยหลอกลวงประชาชนคนไทยอยู่
หลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือ พล.ต.อับดุลลา คาลีฟา อัลมารี ได้นำ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ และคณะ เข้าเยี่ยมชม ห้อง CCOC , ศูนย์วิเคราะห์อาชญากรรมของเมืองดูไบ เพื่อวางแผนในการเข้าปฏิบัติการในครั้งนี้
นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังได้นำคณะทำงานเยี่ยมชม smart police station เป็นระบบแจ้งความเป็นหลักฐานเบื้องต้น เช่น เอกสารหาย และยังสามารถแจ้งเป็นเบาะแสยาเสพติด แหล่งมั่วสุมยาเสพติด รถต้องสงสัย โดยสามารถแชร์โลเคชั่นจุดเกิดเหตุได้เลยทันที และจะแจ้งข้อมูลไปยังศูนย์ CCOC เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานของตำรวจในการดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป
ต่อมา ภายใต้การประสานงานความร่วมมือของตำรวจไทยและตำรวจดูไบ เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 19 มีนาคม ตำรวจดูไบและตำรวจไทยได้บุกเข้าตรวจค้นภายในบ้านหรู 2 ชั้นครึ่ง เลขที่ 21 หมู่บ้าน วากา 4 ถนนวากา 27 เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากทางตำรวจไทยได้มอบข้อมูลสถานที่ตั้งศูนย์สั่งการคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว
จากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าว พบอุปกรณ์ทั้งโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์ พร้อมทั้งบัญชีรายชื่อเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ที่ยังอยู่ระหว่างการสื่อสารเพื่อรอโอนเงิน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบโพยรายชื่อเหยื่อและรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง รวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อในแต่ละสายงาน
นอกจากนี้ยังพบคนไทยทำหน้าที่เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเต็มใจมาทำภายในบ้านหลังดังกล่าว 21 คน และชาวไต้หวันซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมอีก 1 คน โดยรายละเอียดยังไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ อธิบายว่า นายฉีเคอ ผู้ต้องหา ได้รวบรวมพนักงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้วจัดส่งให้เดินทางมาเช่าบ้านเดี่ยวหรูแห่งนี้ มีชาวไต้หวันทำหน้าที่คอยควบคุมดูแล โดยทำมาประมาณ 6 เดือน เงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท โดยประมาณต้นเดือนมีนาคม 2561 แก๊งดังกล่าวนี้เพิ่งหลอกคนไทย 7 ราย ได้เงินไปกว่าล้านบาท ซึ่งมีผู้เสียหายในพื้นที่ สน.เตาปูน ดินแดง เมืองสมุทรปราการ คลองตัน ฝาง ปราณบุรี และเมืองขอนแก่น โดยสามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้เปิดบัญชี 3 คน ผู้รวบรวมบัญชี 1 คน และคนกดเงิน 3 คน รวมผู้ต้องหา จำนวน 7 คน
การทำงานของแก๊งนี้มีการนำเทคโนโลยีพิเศษมาใช้ หลังจากหลอกเหยื่อสำเร็จแล้ว จะวางอุบายเพื่อขอ OTP จากบัญชีธนาคารของเหยื่อ แล้วหลอกให้อ่านข้อความที่ธนาคารแจ้งยืนยันมา เมื่อเหยื่อบอก OTP ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้จะนำ OTP นี้ เข้าโปรแกรมดัดแปลงทำให้คอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนเป็นมือถือเครื่องหนึ่ง เข้าบัญชีธนาคารของเหยื่อแล้วโอนเงินออกไปยังปลายทางที่แก๊งเตรียมไว้จนหมด เช่น bitcoin หรือบัญชีอื่นๆ แล้วถอนเงินออก นำส่งหัวหน้าแก๊งเพื่อแบ่งเงินตามเปอร์เซ็นต์ที่ได้ตกลงกันไว้ภายในกลุ่มแก๊ง
สำหรับนายฉีเคอ ชาวไต้หวัน เป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุหลบหนีอยู่ในประเทศไทยประมาณ 20 ปี ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศตัวเองได้ เนื่องจากมีประวัติต้องคดีที่ประเทศไต้หวัน ทำหน้าที่คอยรวบรวมคนเข้ามาทำงานคอลเซ็นเตอร์ รวบรวมบัญชีที่ใช้กดเงิน ถือเป็นผู้บริหารระดับสูงภายในแก๊ง
ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะทำงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เข้าหารือกับผู้บัญชาการตำรวจดูไบ เพื่อประสานข้อมูลที่ตำรวจไทยได้แกะรอยแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การทำงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทางการดูไบเป็นอย่างดี ทำให้เราสามารถขยายผลจนจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง และจะประสานกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องอีก และขอส่งตัวคนไทยทั้งหมดกลับประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีต่อไป ถือเป็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใกล้มาถึงจุดจบแล้ว เหลือกลุ่มที่เป็นเครือข่ายอีกไม่กี่กลุ่ม ซึ่งตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง