"แผน"พยานเห็น"ลุงจรูญ"เก็บหวย 30 ล้าน ฟ้อง "ผบช.ก.- ผบก.ป." ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ครูปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น-เจ๊พัช เข้ารับทราบข้อหา เจ๊เกียวข้องใจทำไมจำหน้าคนขายไม่ได้
จากกรณี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ กับนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ต่างฝ่ายต่างแสดงความเป็นเจ้าของในสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 หมายเลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท มีการแจ้งความดำเนินคดีซึ่งกันและกัน จนกระทั่งมีการออกหมายจับนายปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าลอตเตอรี่ ฐานแจ้งข้อความเท็จต่อพนักงานสอบสวนเพื่อแกล้งให้บุคคลอื่นต้องรับโทษ รวม 4 ข้อหา ก่อนที่ทั้งสองยื่นขอประกันตัว ขณะที่ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ถูกดำเนินคดีฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และล่าสุดมีการออกหมายเรียก นายฐนุกร หรือ แผน เหลืองใหม่เอี่ยม พยานล่าสุดฝั่งครูปรีชาให้มาพบตำรวจกองปราบฯ อีก 1 ราย
ต่อมานายฐนุกรเข้าพบ ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ โตไร่ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางยี่ขัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดี บมจ.อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง, นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้ดำเนินรายการต่างคนต่างคิด และนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซอยสีคาม ถนนนครไชยศรี นายฐนุกร หรือ แผน พร้อม น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือ ฟ้า คนสนิทของนายปรีชา และทนายความ ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. และพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม โดยใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบฯ เพื่อแกล้งให้บุคคลนั้นรับโทษ หรือหนักขึ้น ตามมาตรา 200 ที่เป็นบทโทษหนักสุดจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี จากกรณีออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในเวลากระชั้นชิด คือ ออกหมายเรียกเมื่อวันที่ 14 มีนาคม โดยให้มาพบในวันที่ 15 มีนาคม และกรณีกล่าวหาเปลี่ยนคำให้การของพยานเรื่องบุคคลเก็บลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้านบาท
โดยศาลรับสำนวนไว้ในสารบบความ คดี อท.50/2561 นัดตรวจดูคำฟ้องว่าครบถ้วนตามกฎหมายหรือไม่ ในวันที่ 10 เมษายนนี้ เพื่อจะมีคำสั่งต่อไปว่าจะรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์หรือไม่ต่อไป
ทั้งนี้ นายฐนุกร กล่าวว่า เมื่อวานนี้(14มี.ค.)ตำรวจส่งหมายเรียกไปที่บ้านเพื่อให้มาพบพนักงานสอบสวน แต่ตนไม่อยู่บ้าน และยังไม่ได้ไปพบพนักงานสอบสวน เนื่องจากหมายเรียกกะทันหัน นอกจากนี้การส่งหมายเรียกไปที่บ้าน มองว่าเป็นการกดดันแม่ของตนด้วยที่อายุมากแล้ว อย่างไรก็ดี วันนี้ยังไม่ไปพบพนักงานสอบสวน จะขอตัวไปทำธุระก่อน ส่วนจะไปพบเมื่อใดขอดูอีกครั้ง
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีในส่วนของ บช.ก. กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิ์ของเจ้าตัวที่อาจมองว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไม่เป็นธรรมต่อตนเอง แต่ในส่วนของชุดคลี่คลายคดีขอยืนยันว่าที่ผ่านมาทางตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่บนหลักความถูกต้องและให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยยึดหลักความจริงตามพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคลและพยานทางวิทยาศาสตร์ หากใครผิดใครถูกก็ว่ากันไปตามหลักฐาน ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด ซึ่งอีกไม่นานเชื่อว่าความจริงจะปรากฏ
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการฟ้องร้องมากนัก แต่เป็นตำรวจอย่าไปตกใจอะไรง่ายๆ ใครมีสิทธิที่จะฟ้องร้องอะไรก็ทำไปตามสิทธินั้น ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ดูแลรายละเอียดแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. กล่าวว่า วันนี้ได้มีการออกหมายเรียกมาทั้งหมด 2 ราย คือ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา และ นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น โดยจะสอบปากคำด้วยตนเอง สำหรับขั้นตอนก็คงจะเป็นไปตามปกติ เบื้องต้นสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อหา “สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่พนักงานประพฤติผิดมิชอบตามมาตรา 157” จากนั้นก็จะพิมพ์ลายนิ้วมือ และปล่อยตัวกลับบ้าน เนื่องจากมาตามหมายเรียก ส่วน น.ส.พัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้เข้ามาพบในวันที่ 16 มีนาคม เวลา 10.00 น. แต่หากมาพร้อมกันทั้ง 3 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยินดีที่จะสอบปากคำให้แล้วเสร็จ
พล.ต.ต.กมล กล่าวต่อว่า สำหรับพฤติการณ์ของทั้ง 3 คนมีลักษณะเดียวกันคือรับรู้ในการเปลี่ยนแปลงคำให้การทั้งหมด พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่เซ็นคำให้การของตำรวจภูธรภาค 7 อย่างไรก็ตามจะส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ภายใน 30วัน สำหรับกรณีที่พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ขอเวลา 15 วันในการชี้แจงนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้
ต่อมาเวลา 09.40 น. นายปรีชาหรือ ครูปรีชา พร้อม นางรัตนาพรหรือ เจ๊บ้าบิ่น และ น.ส.พัชริดา หรือ เจ๊พัช เดินทางมาพร้อมทนายความ เนื่องจาก พล.ต.ต.กมล ได้เชิญให้มารับทราบข้อกล่าวหาสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่พนักงานประพฤติมิชอบ ตามมาตรา 157 หลังพบพฤติการณ์รับรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้อง และส่อแววใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ
นายปรีชากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่เป็นห่วงและให้ความสนใจมาโดยตลอด ในวันนี้มีความสบายใจ ไม่กังวลอะไร จะขอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้งหลังรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จ
ด้าน นางรัตนาพร หรือ เจ๊บ้าบิ่น กล่าวสั้นๆ ว่า ในวันนี้ไม่มีความกังวลใจอะไร ส่วน น.ส.พัชริดา หรือ เจ๊พัช ไม่ได้พูดใดๆ เพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสอบปากคำนั้น ทั้ง 3 คนแยกกันสอบปากคำทีละคน โดยครูปรีชาเข้าไปเป็นคนแรก ภายหลังสอบปากคำเสร็จครูปรีชาเดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ใดๆ กล่าวแต่แต่เพียงว่า ทนายความคนใหม่จะเป็นผู้ให้ข้อมูลแทน แล้วขอตัวกลับไปก่อน จากนั้นเจ๊บ้าบิ่นก็ถูกเข้าไปเรียกสอบปากคำเป็นรายต่อไป ส่วนเจ๊พัชถูกเรียกเป็นคนสุดท้าย
หลังจากแต่ละคนสอบปากคำเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือและลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนจะปล่อยตัวกลับไป เนื่องจากได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก และทั้งหมดเดินทางมาให้ปากคำด้วยตนเองไม่มีการหลบหนี
พล.ต.ต.กมลกล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำทั้งครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นทุกคนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยทนายความครูปรีชาขอเวลา 30 วันในการรวบรวมเอกสารมายื่น แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้เวลาได้นานขนาดนั้น เพราะจะต้องรวบรวมสำนวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ก่อนสรุปส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณา หากทางฝ่ายครูปรีชายังไม่สามารถนำเอกสารมาให้พนักงานสอบสวนได้ทัน ก็ให้ไปยื่นที่ ป.ป.ช.ได้เลย
“วันนี้ใช้เวลามาก เพราะพนักงานสอบสวนได้นำสำนวนที่ทั้ง 3 คนเคยให้การไว้กับตำรวจกองปราบฯ ซึ่งทั้งหมดยืนยันคำให้การตามที่เคยให้ไว้ในสำนวนกองบังคับการปราบปราม และสำนวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 มีแค่นางรัตนาพรให้การต่อพนักงานสอบสวน ปปป. ขอให้บันทึกคำให้การเพิ่มเติม เนื่องจากคำให้การเดิมนั้น อ้างว่ามีความเข้าใจคลาดเคลื่อนและสับสนจำไม่ได้บ้าง ทาง ปปป.จึงลงบันทึกให้ตามสิทธิ แต่ไม่ใช่ประเด็นหลักสำคัญอะไร หลังจากแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยตัวกลับบ้านไป เพราะไม่มีพฤติกรรมหลบหนี” พล.ต.ต.กมล กล่าว
ด้านนายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความในฝ่ายของครูปรีชากล่าวว่า ทั้ง 3 คน ปฏิเสธข้อกล่าวหา และวันนี้มามอบตัวตามขั้นตอนของ ปปป. ที่มีหมายเรียกไป ทั้งนี้มีส่วนไหนที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีก็จะทำเอกสารเป็นคำให้การมาชี้แจงเพิ่มเติม ส่วนรายละเอียดในคดี ทั้งเรื่องของการเซ็นคำให้การของลูกความนั้น เป็นเรื่องในสำนวน ไม่ขอให้รายละเอียด
นายสุชพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการต่อสู้คดี ก็ต้องดูว่าจำเลยผิดหรือไม่ และจะต่อสู้ไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ทั้งนี้ตราบใดที่ยังไม่มีการฟ้องก็จะรวบรวมหลักฐานโดยไม่ต้องเร่งรีบ
วันเดียวกัน ที่ จ.กาญจนบุรี นางปณัญชยา สุขผล หรือเจ๊เกียว ผู้จำหน่ายลอตเตอรี่ในตลาดเรดซิตี้ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รู้จักกับนายแผนเมื่อเร็วๆ นี้เอง แต่ทราบว่านายแผนอยากเจอเจ๊เกียวมานาน พอได้มาคุยกันรู้สึกสงสาร ตอนนี้พยานฝ่ายครูปรีชาทุกคนต้องตกเป็นจำเลยของสังคมและโลกโซเชียล ถูกดำเนินคดีทั้งที่พูดความจริงไป โดยวันที่มีภาพจับมือกับนายแผนที่กรุงเทพฯ เพราะตอนนั้นไม่สะดวกจะให้สัมภาษณ์ใดๆ กับนักข่าว เจ๊เกียวจึงรีบดึงมือนายแผนเดินออกมา
เจ๊เกียวกล่าวต่อว่า ส่วนนายแผนถึงขั้นต้องลาออกจากงาน อยากจะพูดว่าที่จริงแล้วนายแผนเขาเป็นคนดี เขาตัดสินใจลาออกเพราะกลัวว่าคนที่ทำงานและหน่วยงานที่เขาทำอยู่จะมาเดือดร้อนเพราะเขา เขาเลยลาออกเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
เจ๊เกียวกล่าวอีกว่า นายแผนเคยเล่าตั้งแต่เห็นคนถือลอตเตอรี่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร ไม่รู้ว่าใครเป็นคนขายใครเป็นคนซื้อ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้นายแผนให้การต่อภาค 7 ไปแล้ว และได้ให้การว่า เคยไปบ้านลุงจรูญ เมื่อไปถึงก็เห็นลุงจรูญ ก็จำหน้าได้ว่าคือคนนี้แหละที่ถือลอตเตอรี่ยืนอยู่กับผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่ว่าพอเป็นเรื่องขึ้นมาถึงรู้
“ดิฉันข้องใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่า ทำไมลุงจรูญบอกว่า จำแม่ค้าลอตเตอรี่ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ลุงจรูญบอกเองว่า เดินตลาดนัดอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง ดิฉันขายที่นี่มา 6-7 ปี ก็มีคนขายลอตเตอรี่อยู่กันแค่นี้ แต่เห็นนายแผนแค่ครั้งเดียวและผ่านมาหลายเดือน ทำไมถึงจำนายแผนได้” เจ๊เกียวกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง