ข่าว

ผอ.โกงเงินคนจนยังล่องหน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ป.ป.ท.รวมรวมหลักฐาน เตรียมลงโทษ ผอ.ฉาวโกงเงินคนจน

 

               ความคืบหน้ากรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบพบมีการทุจริตการเบิกจ่ายเงินของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม โดยมีชาวบ้านผู้เสียหายจำนวน 564 ราย ที่มีการเบิกจ่ายเงินรวม 12 อำเภอ หรือทั้งจังหวัด เป็นเงินกว่า 1.7 ล้านบาท แต่เกิดปัญหาเนื่องจากมีการจ่ายเงินไม่ครบตามความเป็นจริง ซึ่งทาง ป.ป.ท. ได้รวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการเอาผิดผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังได้มีการนำหลักฐานคลิปวิดีโอและเสียงที่ชาวบ้านบันทึกเป็นหลักฐาน กรณีผู้อำนวยการโรงเรียนเพียงหลวง 10 ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม ออกมาหารือชาวบ้าน เพื่อให้ช่วยปกปิดข้อมูล ให้ยืนยันว่ามีการรับเงินครบตามจำนวนอันเป็นหลักฐานสำคัญที่ทาง ป.ป.ท. จะได้นำไปประกอบการดำเนินคดีในฐานความผิดให้การสนับสนุนการทุจริต

               ล่าสุด วันนี้  (12 มี.ค.) จากการตรวจสอบที่โรงเรียนเพียงหลวง 10 บ้านเทพนิมิตร หมู่ 9 ต.หนองซน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจาก นายหลักชัย วงษ์หมอก ผอ.โรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนตามปกติ ตั้งแต่นักเรียนชั้นอนุบาล - ชั้น ป.6 แต่ไม่พบตัวผู้อำนวยการโรงเรียนแต่อย่างใด สอบถามครูที่สอนทราบว่าเพิ่งออกไปเมื่อครู่ โดยไม่ได้บอกว่าไปที่ไหน

               ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม ตั้งอยู่บ้านภูเขาทอง ต.หนองญาติ อ.เมือง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับ นางสุคนธ์ ศรีสงคราม ผู้อำนวยการศูนย์ฯ แต่ไม่พบ มีเพียงเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนยังทำงานปกติ โดยให้ข้อมูลว่า ผอ.ไม่อยู่ ไปราชการที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม

               ขณะเดียวกันทางด้าน นายประสงค์ สุภา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 2 นครพนม กล่าวว่า หลังมีข่าวกรณีชาวบ้านถ่ายคลิปผู้อำนวยการโรงเรียนเพียงหลวง 10 ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนการทุจริตของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เบื้องต้น ตนได้มีการพูดคุยสอบถามไปยังเจ้าตัว คือ นายหลักชัย วงษ์หมอก ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ทราบว่า ไม่มีเจตนาสนับสนุนโกงเงินคนจน แต่เป็นการพูดคุยหารือกับชาวบ้านเพื่อแก้ไขปัญหาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่าเข้าข่ายความผิด จะมีการเอาผิดทางวินัยตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเร่งด่วน พร้อมยืนยันว่า ผู้บริหารโรงเรียนไม่เคยมีปัญหาในการทำงาน และเป็นโรงเรียนตัวอย่าง จึงต้องรอผลการสืบข้อเท็จจริง

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ