ข่าว

ผบ.ตร.แถลงคืบหน้าคดีหวย 30 ล้าน รอบ 2

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผบ.ตร.แถลงคดีหวย 30 ล้าน รอบ 2 ชี้ ‘ผบก.กาญจนบุรี’ มีความเชื่อ ‘ครูปรีชา’ ถูก จึงเร่งทำสำนวนสอดคล้องให้พ้นตัวตำรวจส่งไปสู้ในชั้นศาล โยนต้นสังกัดสอบเอาผิดวินัย

 

           เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 มี.ค. 2561 ที่ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผบช.ก. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผบช.ก. พล.ต.ต.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผบช.ก. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่น สุข ผบก.ปทส. พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.วน. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกตร. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. และพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีสลากกินแบ่งรับบาล รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นคดีพิพาทระหว่าง นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ ข้าราชการตำรวจเกษียณราชการ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าและความเชื่อมโยงการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องของคดี

           พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า มีผู้สื่อข่าวบางท่านได้สอบถามถึงข้าราชการตำรวจในการดำเนินคดี จึงตอบไปว่าให้ทางตำรวจกองปราบได้ทำการสอบสวนต่อก่อน จากนั้นจึงให้ ผบช.ก. ขอให้โอนสำนวนคดีอาญามาที่สอบสวนกลาง โดยตำรวจกองปราบเป็นผู้ทำคดี จะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องพยานหลักฐานจะต้องนิ่ง ซึ่งทางกองปราบเองได้สรุปสำนวนในส่วนครูปรีชาและออกหมายจับแล้ว 2 คน คือ ครูปรีชา และ นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น จากนั้นศาลก็ให้ประกันตัวไป ส่วนวันนี้เป็นส่วนที่สอง ที่จะให้คณะทำงานของผบช.ก. ตอบคำถามที่นักข่าวถาม แต่บางครั้งอย่าบังคับให้ตอบในเวลานั้น มันเร็วเกินไป ตนบอกแต่แรกแล้วว่าถ้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องมีการลงโทษดำเนินการ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ไปเกี่ยวข้อง ไม่มีมวยล้มต้มคนดู โดยพร้อมตอบคำถามทุกประเด็นที่ไม่กระทบกับสำนวน ว่าจะลงเอยอย่างไร และจะให้ ผบก.ปปป. ตอบในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการกับนายตำรวจที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี

           พล.ต.ต.กมล กล่าวว่า กรณีที่พนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ที่ต้องถูกดำเนินคดีตามที่ ผบก.ป.ได้มาร้องทุกข์ พบว่าในการทำการสอบสวนในคดีที่นายปรีชาแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ต.ท.จรูญ มีการสอบสวนที่ไม่ชอบ จึงมีการแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ส่วนพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี อีกสองนาย พนักงานสอบสวน บก.ปปป. มีความเห็นว่าการจะดำเนินการกับ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ต้องมีพยานหลักฐานยืนยันการกระทำผิด โดยพยานหลักฐานอื่นยังไม่ชัด มีเพียงพยาน 2 ปาก จึงมีความเห็นว่ากันไว้เป็นพยานซึ่งได้ทำตามประกาศของ ป.ป.ช. ปี2554 ก่อนจึงได้มีการทำหนังสือถึงผบช.ก.ให้กันพนักงานสอบสวนทั้งสองรายไว้เป็นพยาน และทาง ผบช.ก. ก็เซ็นอนุมัติ ในขณะนี้จึงมีการทำสำนวนเอาผิด มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด กับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี โดยจะสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. ภายในกรอบ 30 วัน ส่วนตำรวจสองนายที่กันเป็นพยานจะมีความผิดอย่างไรหรือไม่ ก็ใช้ทาง ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณา

           ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแรกที่เกิดขึ้น โดยมีตั้งแต่ปี 2559 ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้ในสังคม ต้องเป็นหน้าที่ของ บช.ก. ต้องใช้นักสืบฝีมือดี เรื่องนี้ไม่ซับซ้อนเป็นเรื่องที่ หมวดจรูญและครูปรีชา ในส่วนของหมวดจรูญในเบื้องต้นน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง จำอะไรไม่ได้เลย ส่วนครูปรีชาน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก เพราะมีพยานให้การสอดคล้อง แต่เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์แค่ 3 คน แต่เรื่องนี้จะใช้เพียงแค่ความเชื่อไม่ได้ ต้องใช้ความจริงตามพยานหลักฐาน โดย พล.ต.ต.สุทธิ มีความเชื่อว่าครูปรีชาเป็นฝ่ายถูก ซึ่งตำรวจไม่ควรเชื่อเรื่องความเชื่อ พล.ต.ต.สุทธิ ไม่ได้ทุจริตตั้งแต่เริ่มต้น แต่อาจจะทำงานด้วยวุฒิภาวะที่ต่ำ ขาดเรื่องสืบสวนสอบสวน ในที่สุดทนายออกมาเคลื่อนไหวจะฟ้องอะไรต่างๆ พล.ต.ต.สุทธิ ก็คงตกใจกอดคอไปกับครูปรีชาให้เรื่องไปจบที่ศาล ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงคำให้การ

           “ทำไมถึงเชื่อว่าผู้การฯสุทธิยังไม่ทุจริต เพราะยังไม่มีการให้เงิน คดีที่เมืองกาญจน์พนักงานสอบสวนอายัดเงินไว้แต่เมื่อถามว่าเงินอยู่ไหน เงินก็อยู่ในบัญชี ต่างจากที่สุพรรณเสียหายแล้ว ที่เรียนไปให้ทราบในที่เกิดเหตุมีแค่ 3 คน แค่นั้น ไล่เช็กตั้งแต่คนรับลอตเตอร์รี่มาจากกองสลาก แต่ทั้งหมดที่เกิดเรื่องมีแค่ผู้ขายกับผู้ซื้อ” พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าว

           ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวถามว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในบช.ภ.7 จะมีความผิดด้วยหรือไม่ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ บอกว่า ขอเปรียบกับการใส่เสื้อแล้วปิดกระดุม เมื่อติดกระดุมเม็ดบนผิด เม็ดที่ 2 3 4 5 ย่อมผิดหมด นอกจากนี้ ผบก.ปปป. ยังเสริมว่า การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายคือการเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำให้การที่อยู่ในสำนวนคดี ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขวันเวลาให้สอดคล้องต้องกัน และ ผบช.ก. พูดเพิ่มเติมว่า พล.ต.ต.สุทธิ เชื่อว่าครูปรีชาถูก จึงมีการทำพยานหลักฐานให้สั่งฟ้องไปที่อัยการ เพื่อให้พ้นตัวตำรวจ ให้ไปสู้กันในชั้นศาล โดยไม่สอดคล้องกับหลักนิติวิทยาศาสตร์ เพราะการทำคดีใช้ความเชื่อไม่ได้ ซึ่งในความเป็นจริงในชีวิตคนทั่วๆไป เรามีปัญหาอะไรเราก็เชื่อกับบุคคลใกล้ตัว เอาเป็นว่าคนทั้งตลาดมีใครเข้าข้างหมวดจรูญไหม การพูดจาชี้แจงของแต่ละคนนักจิตวิทยายังตอบได้เลยว่าใครจริงใครปลอม ไม่ควรที่จะเชื่อหรือช่วยกัน ครูปรีชาก็อ้างต่างๆ นานา ความเชื่อในพื้นที่นั้นๆ จริง เหมือนโดนสะกดจิตอยู่

           พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวต่อว่า มีคำตอบทั้งหมด ในส่วนของ พล.ต.ต.สุทธิ ไม่มีการสนิทสนมกับเจ๊บ้าบิ่นหรือครูปรีชา มีการเสนอแต่เจ้าตัวก็ไม่รับในส่วนนั้น กรณีที่เรียกไปเคลียร์ที่บ้าน เรื่องนี้เชื่อว่าถ้าไม่ใช่ตำรวจหรือหมวดจรูญ จึงได้พยายามเจรจราพูดคุย บรรยากาศของความเป็นตำรวจด้วยกัน เพราะเชื่อว่าอีกฝั่งถูกและเผิดทางให้ถอย แต่ความจริงไม่ใช่ ส่วนเรื่องเสนอขอไม่ตอบ เพราะอยู่ในสำนวน มีการเสนอส่วนแบ่งแต่ไม่รับ

           อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการลงโทษทางวินัยกับ พล.ต.ต.สุทธิ ซึ่ง พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.วน. อธิบายว่า เรื่องการพิจารณาเอาผิดวินัยนั้น ตามขั้นตอนแล้วเป็นส่วนของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดเป็นผู้ต้องคณะกรรมการสอบสวน โดยจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยตั้งแต่ผู้ถูกกล่าวหาถูกแจ้งข้อหา ส่วนจะมีความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผลสอบของต้นสังกัด ถ้าร้ายแรงก็คือ ให้ ออก หรือ ไล่ออก ส่วนการออกจากราชการไว้ก่อน มีดุลพินิจมีสองอย่างตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และ กฎ ก.ตร. มีเนื้อหาที่เป็นหลักที่จะต้องพิจารณา อย่างแรกถ้าผู้ที่ถูกกล่าหาอยู่แล้วเกิดความเสียหายกับทางราชการหรือไม่ สำหรับอย่างที่สองหากผู้ถูกกล่าวหาอยู่แล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายกับการสอบสวน ถ้าผู้บังคับบัญชาใช้ดุลพินิจเห็นว่าเกี่ยวข้องเข้าข่ายกับทั้งสองอย่างที่ว่านี้ก็สามารถพจารณาพักงาน หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้

           นอกจากนี้ พล.ต.ท.ฐิติราช อธิบายว่า การเสนอสิ่งตอบแทนให้กับ พล.ต.ต.สุทธิ เป็นเรื่องที่ทราบในภายหลัง อยากให้เป็นแนวทางในการทำงานของผบ.ตร.เลยว่าประการแรกตำรวจทำงานโดยมีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ขอให้สบายใจได้เลยว่าจะคำนึงถึงประโยชน์ของสังคมเป็นตัวตั้ง จะไม่ทำงานคุกคามไปที่กลุ่มใด สองความถูกต้องต้อให้ความถูกต้องความเป็นธรรมตัวเองก่อน ตัวเองท่านต้องรู้ไม่ต้องไปร้องขอความเป็นธรรมจากใคร ที่ถามเรื่องแม่ค้า จริงๆที่เห็น มีสามคน ศาลได้ออกหมายจับไปสองคน หลักจากนั้นก็จะมาดูคนที่เกี่ยวข้องที่ได้เห็น หลายคนที่เป็นกองเชียร์ตามโซเซียลมีเดีย มีการกล่าวร้ายการทำงานของเจ้าหน้าที่กองปราบสั่งไปแล้วว่าต้องทำงานให้ดี จะไม่ออกหมายจับใครโดยไม่จำเป็น

           ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ บอกว่า ก็ต้องที่การตรวจสอบอยู่แล้ว ก็ต้องดูผลของทางคณะทำงาน ปกติใครที่ทำผิดกฎหมยไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือชาวบ้านก็ทำไปตามกฎหมาย ผมเชื่อเลยว่าสื่อมวลชนเชื่อเลยว่าผมจะช่วยตำรวจ ถ้ากรรมการว่ายังไงผมก็ว่าอย่างนั้น ไม่ได้พบส่วนตัว พนักงานสอบสวน ผมอยากเตือนตำรวจทั่วประเทศว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะทำอะไรให้ประชาชน อย่าทำเพื่อตัวเอง รู้อยู่แล้วว่าหน้าที่ตัวเองเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน

           เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีคดีที่สุพรรณบุรี ที่คนร้ายถอนเงินออกไป โดยที่พนักงานสอบสวนไม่ได้ยื่นอายัดบัญชี จะมีความผิดหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.ท.ฐิติราช ตอบว่า สรุปอายัดก็ผิด ไม่อายัดก็ผิดใช่ไหม เรื่องนี้ต้องคุยกันใหม่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งกองสลาก ตำรวจ และ ผู้ขาย ต้องปรับแก้กันทุกฝ่าย ส่วนเรื่องที่เมืองกาญจน์ จะมีการออกหมายเรียกพลเรือนสามคนให้ตามดูต่อไป

           สำหรับคดีความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสลากฯ 30 ล้านบาท ที่ จ.กาญจนบุรี นั้น พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผบช.ก. อธิบายว่า ตอนนี้มี 3 สำนวน คือ ครูปรีชากล่าวหาหมวดจรูญ หมวดจรูญกล่าวหาครูปรีชา คดีเอาผิด ม.157 กับ พล.ต.ต.สุทธิ

 

ผบ.ตร.แถลงคืบหน้าคดีหวย 30 ล้าน รอบ 2

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ