ข่าว

รวบนายทุนอินเดียเครือข่ายค้ายาเสพติด !!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รอง ผบ.ตร.-ปส. เปิดปฏิบัติการ ‘ชัยยะสยบไพรี 61/4’ บุกค้นบ้านพักย่านสุขุมวิท รวบนายทุนชาวอินเดียสนับสนุนเงินค้ายาเสพติด ขยายผลจากจับยาไอซ์ 400 กก.

 

           เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 6 มีนาคม 2561 ที่บ้านเลขที่ 20/8 ซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร ร่วมกับ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. และ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสยบไพรี 61/4 ทำการจับกุม นายฮาร์ปรีท ซิงห์ สัญชาติไทย เชื้อชายอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ไอซ์ หรือ แอมเฟตามิน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นนายทุน ผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเครือข่ายค้ายาเสพติดทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน โดยในวันนี้จะมีการเข้าตรวจค้นเครือข่ายค้ายาเสพติดทั่วประเทศจำนวน 30 จุด พร้อมกัน โดยจะมีจุดใหญ่ 3 จุด ซึ่งเป็นจุดที่เกี่ยวข้องกับ นายฮาร์ปรีท ซิงห์ ทั้งสิ้น พร้อมทรัพย์สินกว่า 160 ล้านบาท

 

รวบนายทุนอินเดียเครือข่ายค้ายาเสพติด !!

 

           โดยในขณะจับกุมได้พบกับ นายฮาร์ปรีท ซิงห์ ภรรยา พร้อมกับ ลูกชายและลูกสาว ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นภายในบ้านโดยมีภรรยา และลูกสาว ของ นายฮาร์ปรีท ซิงห์ นำตรวจอยู่ ด้านนายฮาร์ปรีท ซิงห์ และลูกชาย ได้นั่งเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ บริเวณ ห้องรับแขก ภายในบ้าน โดยทั้งสอง สามารถพูดและสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ ซึ่งรับทราบข้อกล่าวหา แต่ยังคงปฏิเสธ ทางด้านลูกชาย เผยว่า ขอยังไม่พูดอะไรมาก เนื่องจากยังไม่ทราบข้อหา ซึ่งข้อหาที่ถูกแจ้งมานั้นเคยถูกแจ้งไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตนไม่รู้เรื่อง และยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

 

รวบนายทุนอินเดียเครือข่ายค้ายาเสพติด !!

 

           พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหา รายนี้สืบเนื่องมาจากการจับกุมไอซ์ 400 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 28 ก.ค.60 ที่ผ่านมา จนสืบทราบว่า นายฮาร์ปรีท ซิงห์ เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน ให้กับผู้ต้องหาทั้ง 12 ราย ที่เราได้จับกุมไป ซึ่ง นายฮาร์ปรีท ซิงห์ เป็นคนโอนเงินให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยจำนวนเงินที่พบว่ามีการโอนในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งจะต้องขยายผลการจับกุมเพิ่มเติมว่ามีการโอนเงินไปแล้วเท่าไหร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนและขยายผลเป็นเวลากว่า 8 เดือน จึงทราบว่า นายฮาร์ปรีท ซิงห์ มีเทคนิคคือทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า ตัดสูท ย่านสุขุมวิท , มีห้องเช่า ห้องแถว และปล่อยเงินกู้เพื่อบังหน้า แต่ภายหลังจะคอยโอนเงินสนับสนุนให้กับรายย่อย โดยที่นายฮาร์ปรีท ซิงห์ จะไม่จับหรือครอบครองยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงไม่พบของกลาง

 

รวบนายทุนอินเดียเครือข่ายค้ายาเสพติด !!

 

           ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า นายฮาร์ปรีท ซิงห์ ทำการสนับสนุน ช่วยเหลือธุรกิจค้ายาเสพติด ยกตัวอย่างเช่น คดีการจับยาเสพติดที่เคยจับได้ นายฮาร์ปรีท ซิงห์ เป็นผู้โอนเงินให้กับผู้ค้าเพื่อไปซื้อรถสำหรับใช้ในการขนย้ายยาเสพติด จึงเห็นได้ชัดว่า มีการเกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งตอนนี้ยังคงให้การปฏิเสธ โดยเป็นปกติของผู้ต้องหาจะปฏิเสธ เพราะ หากรับสารภาพเลยคงจะง่ายเกินไป เนื่องจาก ผู้ต้องหาฝังตัวอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว โดยในการจับกุมเมื่อครั้งก่อนทางผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดี จึงได้เอกสารเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน เราจึงนำเอกสารดังกล่าวมาสืบสวน ขยายผลการจับกุมเพิ่มเติม ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในลักษณะที่ไม่ครอบครองยาเสพติดถือว่าเป็นเรื่องยากจะต้องอธิบายและชี้แจงต่อศาลให้ชัดเจนและต้องมีหลักฐานที่หนาแน่นพอที่จะสามารถออกหมายจับได้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ หลักฐานสำคัญ บ่งบอกเส้นทางการเงินของ นายฮาร์ปรีท ซิงห์ จึงสามารถออกหมายจับได้ ผู้ต้องหารายนี้หากเปรียบได้ก็เป็นพ่อของเอกอ้วน ซึ่งพ่อจะสั่งให้ลูกทำ

 

รวบนายทุนอินเดียเครือข่ายค้ายาเสพติด !!

 

           “อย่างน้อยตอนนี้เราก็จับรายใหญ่ได้ ต่อไปจะเป็นขั้นตอนการขยายผลการจับกุมว่า ผู้ต้องหารายนี้เพิ่งกลับจากประเทศสิงคโปร์ เหตุที่ผู้ต้องหาเดินทางไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ไปทำอะไร ที่ไหน และไปหาใคร” พล.ต.ท.สมหมาย ระบุ

 

รวบนายทุนอินเดียเครือข่ายค้ายาเสพติด !!

 

           ด้านเพื่อนบ้านของ นายฮาร์ปรีท ซิงห์ เผยว่า นายฮาร์ปรีท ซิงห์ อาศัยอยู่บ้านหลังนี้มากว่า 15 ปี แล้ว และเป็นคนที่ชอบทำบุญ จึงเชื่อว่า เรื่องนี้อาจจะมีการใส่ร้าย กลั่นแกล้งกันทางธุรกิจหรือไม่ แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานที่แน่นหนา และชัดเจน ก็คงต้องยอมรับความจริง

           เบื้องต้น เจ้าหน้าที่นำตัว นายฮาร์ปรีท ซิงห์ ไปสอบปากคำเพิ่ม ที่ กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด เพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป

 

รวบนายทุนอินเดียเครือข่ายค้ายาเสพติด !!

 

           ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 บช.ปส. กล่าวถึงกรณีการจับกุม นายฮาร์ปรีท ซิงห์ อายุ 52 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 46/2561 ลงวันที่ 30 ม.ค.2561 ข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถูกจับกุมที่บ้านพัก ย่านสุขุมวิท 39 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายฮาร์ปรีท มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดประมาณ 5-6 เครือข่าย มากว่า 10 ปี แม้จะมีการเข้าจับกุมหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิด จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 28 ก.ค.60 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมไอซ์ น้ำหนัก 400 กิโลกรัม จากการขยายผลทำให้พบหลักฐานเชื่อมโยงกับนายฮาร์ปรีท ซิงห์ โดยนายฮาร์ปรีทได้มีการโอนเงินให้กับขบวนการลักลอบยาเสพติดประมาณ 3 ล้านบาท จึงรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การขอศาลออกหมายจับ จากนั้น ขอศาลอาญาออกหมายค้น เลขที่ 165/2561 ลงวันที่ 5 มี.ค.2561 แล้วเข้าจับกุมตัวได้

           พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนพบว่า นายฮาร์ปรีท ทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นออแกไนซ์เซอร์ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด คอยจัดการเรื่องเงิน การอำนวยความสะดวก รวมทั้งโอนเงินให้ซื้อรถและดัดแปลง เพื่อนำมาใช้ในการลำเลียงยาเสพติด เส้นทางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงมายังภาคใต้ มีสภาพการเงินหมุนเวียนในบัญชีธุรกิจกว่า 100 ล้านบาท การเข้าจับกุมวันนี้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสยบไพรี ได้ทำการบุกจับกุมนายฮาร์ปรีท และเข้าตรวจค้นบ้านพัก อาคารพาณิชย์ คอนโด เบื้องต้น พบหลักฐานเพิ่มเติม คือ เอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สินและเส้นทางการเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบัญชี รวมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินของนายฮาร์ปรีท ประกอบด้วยรถเบนซ์ สีขาว E200 ทะเบียน 4กฬ-2700 กรุงเทพมหานคร รถฮอนด้า CRV สีน้ำเงินเข้ม ทะเบียน 3กฬ-2700 กรุงเทพมหานคร และบ้านเลขที่ 20/8 และ 20/20 ซอยสุขุมวิท 39 มูลค่ารวมกว่า 130 ล้านบาท คาดว่าหลังจากนี้ อาจสามารถยึดทรัพย์สินได้อีกจำนวนมาก

           สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ บช.ปส. ได้ทำการตรวจสอบเป้าหมาย 3 จุด จุดแรกเป็นบ้านพัก เลขที่ 20/8 และ 20/20 ภายในซอยสุขุมวิท 39 พบตัวนายฮาร์ปรีท ซิงห์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงควบคุมตัวไว้ และยึดรถเบนซ์กับรถฮอนด้า CRV ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ บช.ปส. จุดที่ 2 เป็นอาคารพาณิชย์ เลขที่ 2074/69 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม ซึ่งเปิดเป็นร้านตัดสูท ชื่อ แฮรี่แฟชั่น (Harry Fashion) ของนายฮาร์ปรีท จากการตรวจค้นพบตู้เซฟ 1 ตู้ เงินสดจำนวนหนึ่ง จุดที่ 3 เป็นอพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 1/10 ซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา ที่เปิดให้เช่า พบเอกสารสิทธิ์และเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สินต่างๆหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 130 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบทั้งหมด ทั้งนี้ทางผู้บังคับบัญชาจะมีการแถลงข่าวรายละเอียดคดีนี้ ในเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มีนาคมนี้ ที่ บช.ปส.

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ