ข่าว

งาช้างผิดก.ม."เมียเปรมชัย"เป็นผู้แจ้งครอบครอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ศรีวราห์"เผยงาช้างผิดก.ม."เมียเปรมชัย"แจ้งครอบครอง ยันยกมือไหว้ใครสำนวนไม่เปลี่ยน ด้านปปป.สอบปากคำ"วิเชียร์"อีกรอบปมติดสินบน 7 มี.ค.

     เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิ ได้อ่านแถลงการณ์เพื่อทวงถามความคืบหน้าของคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี ว่า จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คนในพื้นที่ไม่อนุญาตตั้งพักแรม พร้อมตรวจค้นเจอซากสัตว์ป่าคุ้มครอง และอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก จวบจนวันนี้ก็ครบ 1 เดือนแล้ว แต่การดำเนินคดียังคงมีความล่าช้าในสายตาของสาธารณชน ทางมูลนิธิจึงขอเรียกร้องดังนี้

     1.เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดีแล้วจะพบข้อเท็จจริงว่า นายเปรมชัยและพวกได้ซุกซ่อนอาวุธไว้ในรถก่อนขออนุญาตเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตั้งแต่แรก ก่อนจะลักลอบเข้าไปในพื้นที่ห้ามตั้งแคมป์ แสดงให้เห็นถึงเจตนาเข้าไปพื้นที่ดังกล่าวเพื่อล่าสัตว์ป่าตั้งแต่แรกมิใช่เพื่อพักผ่อนตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งยังมีเสียงปืนดังขึ้นจากในเขตที่มีแต่นายเปรมชัยและพรรคพวกอยู่เท่านั้น พร้อมกันนี้ยังตรวจพบเจอซากสัตว์ป่าคุ้มครองและปืนพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก ทั้งหมดล้วนเป็นพยานหลักฐานที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ชัดเจนว่านายเปรมชัยและพวกได้กระทำความผิดสำเร็จแล้ว

     2.จากพฤติการณ์ของคดีและพยานหลักฐานเห็นได้ชัดว่าคดีนี้ไม่ซับซ้อน จึงขอเร่งรัดให้ฝ่ายที่รับผิดชอบโดยเฉพาะตำรวจ เร่งรัดการดำเนินการเพื่อสรุปสำนวนคดีพร้อมส่งไปยังอัยการและส่งฟ้องศาล และอย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการสอบสวน 3.ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดและตรวจสอบสำนวนอย่างรอบคอบก่อนส่งฟ้อง และ 4.ขอให้รัฐบาลออกมายืนเคียงข้างประชาชน เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันประณามผู้กระทำผิดให้เกิดตัวอย่างที่ดีแก่สังคม

     นายศศิน กล่าวว่า เร็วๆ นี้เราเตรียมทำเรื่องเพื่อขอเข้าพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอความมั่นใจในการดำเนินคดีฆ่าล่าสัตว์ป่าคุ้มครองกับนายเปรมชัย ซึ่งหากการดำเนินคดียังล่าช้า หรือยังไม่มีการสั่งฟ้อง ก็จะขอเสนอให้เปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ หรืออาจถึงขั้นยื่นเรื่องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับไว้เป็นคดีพิเศษ 

     “แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับว่าวันที่ 26 มีนาคมนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. จะส่งสำนวนคดีหรือไม่ ถ้าในสำนวนคดีจากตำรวจไม่มีข้อหาเจตนาฆ่าหรือล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งทางกรมอุทยานฯ ก็ต้องขอตรวจสอบสำนวนก่อนส่งศาล ผมว่าไม่ใช่เพียงแค่มูลนิธิสืบฯ ไม่ยอมเท่านั้น สังคมก็ไม่ยอมด้วย” นายศศิน กล่าวย้ำ

     ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวถึงการสอบปากคำนายเปรมชัยพร้อมพวกรวม 4 คน ที่มาพบพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า เป็นการสอบปากคำประกอบสำนวนเพื่อความสมบูรณ์ ส่วนจะสอบเพิ่มเติมหรือไม่นั้นเท่าที่ได้รับรายงานพนักงานสอบสวนไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องสอบ เพราะอย่าลืมว่าคำให้การของผู้ต้องหา กฎหมายไม่ให้รับฟัง

     ส่วนกรณีที่มีการภาคทัณฑ์ตำรวจที่รับแจ้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์ทั้งที่กฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้นั้น เป็นการภาคทัณฑ์ตามอำนาจหน้าที่ เป็นไปตามกฎหมายตำรวจ มาตรา 78 (1) ตำรวจต้องทำตามกฎหมาย และ (9) ตำรวจต้องไม่ประมาทเลินเล่อ ผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่าการไปรับเรื่องร้องทุกข์ทั้งที่ไม่มีในบทบัญญัติกฎหมายทำไม่ได้ ตามมาตรา (2) ถ้าจะรับคำร้องทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ก็คือกฎหมายต้องบัญญัติเป็นความผิดถึงจะรับคำร้องทุกข์ได้ เบื้องต้นได้สั่งการให้ดูเจตนาของผู้แจ้งความไปแล้วว่ามีเจตนาอะไร

     สำหรับการสอบปากคำ นายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ประเด็นแจ้งข้อหานายเปรมชัยติดสินบนเจ้าพนักงานนั้น มีการสอบปากคำไปบางส่วนแล้ว แต่ข้อมูลไม่ครบ ไม่ได้เรียกมาซ้ำซาก เพียงแต่นายวิเชียรผัดผ่อน จึงให้เจ้าหน้าที่ไปสอบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ การรวบรวมพยานหลักฐาน มีหลักฐานอะไรบ้าง ต้องเอามาให้หมด พนักงานสอบสวนจะได้พิจารณาแจ้งข้อหา

งาช้างผิดก.ม.\"เมียเปรมชัย\"เป็นผู้แจ้งครอบครอง  

     “ไม่ได้หวั่นไหวแม้สังคมวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจ ยืนยันดำเนินการตามกฎระเบียบที่มี ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกรณีครอบครองงาช้างผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ของกรมอุทยานฯ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ที่ไปจดแจ้งครอบครองคือภรรยาของนายเปรมชัย” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว

     พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังกล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรียกร้องให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ตั้งกรรมการสอบจริยธรรม-วินัยหลังจากปรากฏภาพในโชเชียลมีเดียที่เป็นภาพ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รับไหว้ในลักษณะก้มหัวต่ำต่อนายเปรมชัย ผู้ต้องหาว่า เรื่องนี้ยินดีให้ตรวจสอบ นายศรีสุวรรณ จะพูดอะไรจะทำอะไรก็อย่าให้ผิดกฎหมายแล้วกัน

     “ถ้าอยากเรียกร้องก็ให้มา ถ้าผมเสียหายก็ว่าไปตามกฎหมาย ไม่ได้ท้าทาย แต่พนักงานสอบสวนไม่ใช่ว่าจะทำตามสื่อได้หมด ทำไม่ได้ ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ยืนยันผมจะไหว้ใครหรือไม่ไหว้ใคร สำนวนก็ไม่ได้เปลี่ยน ผมจะไหว้ใคร นายก. นายข. ถามว่าสำนวนเปลี่ยนไหม สำนวนไม่ได้เปลี่ยน คุณจะยกประเด็นมาเพื่ออะไร ผมไม่ทราบ ถ้าผมเสียหาย ผมก็ว่าไปตามกฎหมาย” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวย้ำ

     ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยความคืบหน้าคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่ว่า ที่ต้องสอบสวนนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก เราเพียงสอบสวนเพื่อให้เกิดความกระชับมากยิ่งขึ้น ไม่มีประเด็นไหนเป็นพิเศษ ถ้านายวิเชียรยังยืนยันว่าได้รับการเสนอสินบนก็จบ ยกตัวอย่างเช่น มีอำนาจหน้าที่ในการดูแล การไปจับกุมอยู่ในที่เกิดเหตุ การให้เสนอสินบนทำตรงไหน เพื่อให้สำนวนมีความสมบูรณ์ และครบองค์ประกอบ ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่หายไปนั้นแค่นายวิเชียรยืนยันคนเดียวก็ใช้ได้ ส่วนคลิปเสียงมีก็ดีแต่ถ้าไม่มีก็ไม่จำเป็น 

     ทั้งนี้ ในวันที่ 7 มีนาคมนี้ เจ้าหน้าที่จะไปสอบสวนนายวิเชียรอีกครั้ง รวมถึงผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นเจ้าของโทรศัพท์ที่มีคลิปเสียง มาสอบสวนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตกว่ามีคลิปเสียงจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ยังไม่เห็น ถ้ามีก็ต้องสอบสวน ขณะเดียวกัน ได้ประสานกองปราบปรามให้ช่วยตรวจสอบคลิปเสียงที่ออกไปตามสื่อมีรายละเอียดอย่างไร เพื่อเอามาประกอบในสำนวน และจะจำลองเหตุการณ์เพื่อตรวจสอบว่าตามที่นายวิเชียรอ้างว่าอีกฝ่ายให้สินบนมีเหตุผลให้ติดสินบนพอและมีบรรยากาศที่กำลังถูกจับหรือไม่ เป็นการให้สินบนเพื่ออะไร เพื่อให้ปล่อยตัวหรือไม่ ต้องมีเจตนาพิเศษ เมื่อสอบสวนฝ่ายผู้กล่าวหาชัดเจนแล้วจึงจะมีหมายเรียกนายเปรมชัย ส่วนเรื่องไฟฉายต้องพิจารณาก่อนว่ามีเจตนาติดสินบนหรือไม่ ทั้งนี้ปกติการรับของไม่เกิน 3,000 บาท ที่ไม่ใช่สินบนสามารถรับได้ หากเกินจะรายงานผู้บังคับบัญชาไว้ก็ได้เพื่อความบริสุทธิ์ใจ

     “ส่วนกรณีที่ในโลกโซเชียลบอกว่ามีการลบข้อหาให้นายเปรมชัย ผมเชื่อว่าพนักงานสอบสวนทำไปตามกฎหมาย หากเข้าองค์ประกอบก็ว่าไปตามขั้นตอน ถ้าไม่เข้าก็สั่งไม่ฟ้อง เมื่อมีคนมาร้องทุกข์ต้องดูว่าเป็นไปตามกรอบกฎหมายหรือไม่” พล.ต.ต.กมล กล่าว

ฉบับ นสพ.คมชัดลึก

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ