ม.6 ชักมีดไล่ฟัน ม.5 สาหัสคา ร.ร.

 

               21 ก.พ. 61  เมื่อเวลา 16.30 น.  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีนักเรียนถูกอาวุธมีคมฟันได้รับบาดเจ็บภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

               พบกลุ่มนักเรียนกำลังยืนมุง นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 นอนอยู่กลางสนามกีฬา มีแผลถูกของมีคมฟันที่หลัง สีข้าง และแขนขวา อาการสาหัส เจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ

               ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน หลังได้รับแจ้งว่ามีเด็กต้องสงสัยว่าไปก่อเหตุมาเข้าไปหลบซ่อนตัว หลังตรวจค้นพบอาวุธมีดหัวตัดยาว 1 ฟุต จำนวน 1 เล่ม ควบคุมตัวนายบี (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเดียวกับนายเอ ซึ่งพยานระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุ จึงได้นำตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก

               จากการสอบถาม นายเอ เล่าว่า ตนและรุ่นพี่ที่อยู่ ม.6 มีการเขม่นกันระหว่างกลุ่มของตนและกลุ่มของรุ่นพี่ ม.6 ก่อนเกิดเหตุได้มีรุ่นพี่ ม.6 เข้ามาท้าทายตน ให้ออกไปหน้าโรงเรียนเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่พอตนออกไปกลับพบว่ามีรุ่นพี่ ม.6 รออยู่ 2 คน ชักมีดออกมา ตนเห็นท่าไม่ดีจึงได้วิ่งหนีกลับเข้ามาในโรงเรียน แต่ถูกรุ่นพี่ ม.6 ทั้ง 2 คน วิ่งไล่ตามหลังมา ก่อนจะใช้มีดฟันเข้าที่หลังของตนจนล้มลง แล้วฟันซ้ำอีกหลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ก่อนที่รุ่นพี่ ม.6 จะวิ่งหลบหนีออกไปนอกโรงเรียน

               นายบี เล่าว่า กลุ่มของตนและคนเจ็บมีการเขม่นกัน ก่อนเกิดเหตุได้มีหนึ่งในกลุ่มของคนเจ็บเอาขวดมาปาใส่บ้านเพื่อนในกลุ่มตน ทำให้พวกตนโกรธ จึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุดังกล่าว

               เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิฐานว่าน่าจะเกิดจากการเขม่นกัน กลุ่มคนเจ็บไปปาขวดใส่บ้านกลุ่มคนก่อเหตุ และในวันนี้ นายบีเข้าไปบอกให้นายเอมาเคลียร์ปัญหากันที่หน้าโรงเรียน นายบีไปรอที่หน้าโรงเรียนกับเพื่อนอีกคน พอนายเอมาจึงได้ชักมีดออกมาไล่ฟันนายเอจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ก่อนที่นายบีจะวิ่งหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านพักไม่ไกลจากโรงเรียน และถูกจับกุมตัวได้พร้อมของกลางอาวุธมีดหัวตัด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายเอพร้อมพวกในกลุ่มมาทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก เพื่อหาข้อเท็จจริง ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป