ข่าว

ป.เร่งรวมหลักฐานขอหมายจับคดีหวย30ล้านให้ทัน28ก.พ.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กองปราบฯเร่งรวมหลักฐานออกหมายจับคดีหวย30ล้านให้ทัน28ก.พ. ส่อเอาผิดนายตำรวจใหญ่เมืองกาญจน์ แต่ชุดทำงานภ.7รอด

    เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชั้น 3 บริเวณหน้าสำนักงานผู้บังคับการกองปราบปราม ได้มีเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ได้นำป้ายมาติดไว้ที่หน้าสำนักงานระบุข้อความว่า “พื้นที่หวงห้าม สื่อมวลชนกรุณาขออนุญาตก่อนเข้า” ทั้งนี้ป้ายดังกล่าวถูกติดภายหลังจากที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวกรณีกองปราบฯเตรียมสรุปคดีหวย 30 ล้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีการติดป้ายดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ว่า สาเหตุการติดป้ายสืบเนื่องมาจากช่วงเช้าที่ผ่านมาทาง พล.ต.ต.ไมตรี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ตัดพ้อสื่อ และขอลดระดับความสัมพันธ์ โดยมีวลีเด็ดที่กล่าวต่อผู้สื่อข่าว คือ “ต้องเว้นระยะกันสักพักเพื่อให้อยู่ในจุดที่เหมาะสมมากกว่านี้”

 

ป.เร่งรวมหลักฐานขอหมายจับคดีหวย30ล้านให้ทัน28ก.พ.


    ขณะเดียวกันหลังจากมีการเปิดเผยแล้วว่าชุดสืบสวนสอบสวนกองปราบฯได้เตรียมที่จะสรุปสำนวนการสอบสวนว่าสลากฯรางวัลที่หนึ่ง 30 ล้านบาทเป็นของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อที่ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยการรวบรวมหลักฐานพบว่า การทำงานตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) ในภาพรวมไม่ได้มีความบกพร่อง แต่มีความอ่อนประสบการณ์ในการเลือกหยิบหลักฐานมาใช้ในการพิจารณาชี้มูลความผิด นอกจากนี้ยังไม่ได้นำหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชุดสืบสวนกองปราบฯส่งไปให้มารวบรวมในสำนวนการสอบสวน ทำให้สำนวนไม่มีความรอบด้านของข้อมูล ทั้งที่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญทางคดีที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ ประกอบกับคำให้การของ ร.ต.ท.จรูญ ในเบื้องต้นก็มีข้อพิรุธ โดยเฉพาะกรณีที่ ร.ต.ท.จรูญ ไม่สามารถจำสถานที่ซื้อสลากฯได้ แต่ขณะที่ นายปรีชา ถือว่าให้การที่เป็นประโยชน์ต่อคดีมีจิตวิทยาดีในการตอบคำถาม จึงทำให้ชุดสืบสวนและคณะพนักงานสอบสวนของ บช.ภ.7 เชื่อไปโดยปริยายว่า ร.ต.ท.จรูญ ไม่ใช่เจ้าของสลาก และเป็นฝ่ายผิด ทั้งที่มีหลักฐานเป็นเพียงแค่ปากคำของพยานเท่านั้น


    ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อพนักงานสอบสวน บช.ภ.7 ให้น้ำหนักไปที่พยานฝั่ง นายปรีชา จึงทำให้ละเลยในการสืบสวนคดีที่ควรให้น้ำหนักไปยังการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นหลักในการสืบสวนคดีอาญาทั่วไป ประกอบกับ ทนายความของ ร.ต.ท.จรูญ ที่เข้ามาทำคดีเมื่อปลายเดือน พฤศจิกายน 2560 มีการขู่ดำเนินคดีกับตำรวจ บช.ภ.7 ที่เกี่ยวข้องฐานทุจริต โดยเฉพาะนายตำรวจระดับสูงในจ.กาญจนบุรี ที่มีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยคดีนี้ระหว่างคู่ความ หลังจากที่ นายปรีชา เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อต้นเดือน พฤศจิกายน 2560 จึงเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนทำสำนวนการสอบสวนขาดน้ำหนักความน่าเชื่อถือ ขาดหลักฐานที่ควรจะมี เพื่อปกป้องตนเองจากความผิดพลาด แถมยังเลือกหยิบหลักฐานที่ตนเองได้ประโยชน์มาประกอบสำนวน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การทุจริต แต่ก็มุ่งสู่ข้อผิดพลาดจึงสรุปคดีคลาดเคลื่อน นำไปสู่ออกหมายเรียกให้ ร.ต.ท.จรูญ มารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนจะเกิดกระแสวิจารณ์ตามมามากมาย จนทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ตัดสินใจโอนคดีมาที่กองปราบฯ

 

ป.เร่งรวมหลักฐานขอหมายจับคดีหวย30ล้านให้ทัน28ก.พ.


    ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า จากการประมวลเรื่องเกี่ยวกับการทำงานของชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจ บช.ภ.7 ทั้งหมด ในเบื้องต้นชุดสืบสวนกองปราบฯ ไม่พบว่าทีมสืบสวนสอบสวนของ บช.ภ.7 เข้าข่ายกระทำความผิดอาญา เพราะเป็นการทำงานตามขั้นตอนของกฎหมาย ถึงแม้จะมีข้อบกพร่องในการทำสำนวนก็ตาม ซึ่งในกรณีนี้ชุดสืบสวนกองปราบฯจะพิจารณารายงานผลไปยัง บช.ก. เพื่อรายงาน ผบ.ตร. ตามขั้นตอน แต่ทั้งนี้การสืบสวนสอบสวนยังพบด้วยว่านายตำรวจระดับสูงคนหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี อาจจะเข้าข่ายกระทำความผิดอาญาจำนวน 1 คน ถึงแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยตรง แต่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะกับคู่ความ รวมทั้งมีการล้วงลูกการทำงานของพนักงานสอบสวน ด้วยการแก้ไขปรับแต่งสำนวนการสอบสวนให้ดูมีความน่าเชื่อถือ ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งในกรณีนี้ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อรายงานไปยัง บช.ก. เพื่อให้พิจารณาสั่งการว่า จะดำเนินคดีพร้อมกับผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนที่กำลังจะถูกออกหมายจับอีก 2 คนหรือไม่ โดยมีรายงานว่าพนักงานสอบสวนกำลังเร่งออกหมายจับให้ทันวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ