ทนายครูปรีชา ยันลูกความ เคารพความคิดเห็นของทุกคน ส่วนความจริงมีเวทีพิสูจน์แล้วคือศาล
จากกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อายุ 62 ปี อดีตข้าราชเกษียณตำรวจ ฟ้องร้องกันว่าต่างคนต่างก็เป็นเจ้าของกรรรมสิทธิ์สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่นำสลากไปขึ้นเงินคือ ร.ต.ท.จรูญ ได้เงินหลังจากหักภาษีแล้ว จำนวน 29,850,000 บาท และเบิกออกมาจากธนาคาร จำนวน 5,500,000 บาท ยังคงเหลือเงินอยู่ในบัญชีธนาคาร จำนวน 24,350,000 บาท แต่สุดท้ายก็มาถูกอายัดเงินในบัญชีธนาคารเอาไว้ จึงเกิดเรื่องฟ้องกันไปมาทั้งสองฝ่าย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.พ.61 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี นัดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมากำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาท และกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายนำพยานหลักฐานมาสืบเสาะ เนื่องจากครูปรีชาเป็นโจทก์ฟ้องในคดีแพ่งต่อ ร.ต.ท.จรูญ ซึ่งผลปรากฏว่า ทนายความฝ่ายโจทก์ คือฝ่ายครูปรีชา มีพยานทั้งสิ้น จำนวน 15 ปาก พยานบางส่วนอยู่ในสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้ให้ทางทนายของโจทก์นัดสืบเสาะพยานเป็นฝ่ายแรก เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ถึงวันที่ 4 พ.ค.เป็นเวลา 4 วัน ส่วนทนายฝ่ายจำเลย นัดวันที่ 8 วันที่ 9 และวันที่ 11 พ.ค. รวม 3 วัน
ประเด็นคือที่ผ่านมานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ทนายความส่วนตัวของ ร.ต.ท.จรูญ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงพฤติกรรมของครูปรีชา รวมทั้งพยานของครูปรีชา ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งสื่อมวลชนก็ได้นำข้อความที่โพสต์มานำเสนอข่าว มาอย่างต่อเนื่องนานร่วม 2 เดือน นอกจากนี้ยังมีแฟนเพจ รวมทั้งประชาชนที่คอยติดตามข่าวเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งคอมเม้นท์ส่วนใหญ่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ต่างแสดงความเห็นใจ ร.ต.ท.จรูญ และให้กำลังใจนายษิทรา ในการทำหน้าที่ทนายความ กันอย่างล้นหลาม
ซึ่งตรงกันข้ามกับฝ่ายของนายปรีชา อย่างสิ้นเชิง นายปรีชา และพยานประกอบด้วย นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือ เจ้บ้าบิ่น นางสาวพัชริดา พรมตา หรือ เจ้พัช และนางปณัญชยา สุขผล หรือ เจ้เกียว ที่เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง ถูกแฟนเพจของทนายตั้ม รวมทั้งประชาชนที่เข้าไปคอมเม้นท์ตามเว็บไซด์ต่างๆ แสดงความคิดเห็นโจมตีอย่างรุนแรง
แต่ที่ผ่านมาสื่อมวลชน รวมทั้งประชาชนที่ติดตามข่าวนี้อย่างเสมอมา ไม่เคยมีใครทราบมาก่อนว่าทนายของฝ่ายครูปรีชา นั้นเป็นใคร ทราบแต่ช่วงแรกๆ ที่เกิดปัญหาว่าทนายความของครูปรีชาคือใคร แต่เมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ทนายความคนดังกล่าวเพียงแค่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายเท่านั้น และก็เงียบหายไป ต่อมาทราบเพียงว่าครูปรีชา นั้นได้เปลี่ยนทนายความพร้อมกับมอบอำนาจให้เข้ามาดูแลทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาด้วย แต่ทางทนายความครูปรีชา ก็ไม่เคยออกมาแสดงตัวหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด
จนกระทั่งวันที่ 12 ก.พ.61 วันที่ศาลแพ่งจังหวัดกาญจนบุรีนัดคู่ความทั้งสองฝ่ายมาชี้สองสถาน เพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาท และกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายนำพยานหลักฐานมาสืบเสาะ วันนั้นเองที่สื่อมวลชนรู้ว่าทนายความของครูปรีชา คือ นายเกรียงไกร นาควะรี และ นายสุพัฒน์ อดุลย์ศิริอังกูล
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (14 ก.พ.61) ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามทนายเกรียงไกร ว่า กรณีที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รวมทั้ง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ออกมาระบุว่า ขณะนี้รู้แล้วว่าใครคือเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริง และกลุ่มผู้กระทำผิดนั้นร่วมมือกันทำเป็นขบวนการ โดยมีนายตำรวจอยู่ในขบวนการ ซึ่งขบวนการดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับคดีของครูจอมทรัพย์
และอีกหนึ่งคำถามคือ ปัจจุบันครูปรีชา รวมทั้งพยาน ถูกประชาชนที่เข้าไปอ่านข่าวตามเว็บไซด์ต่างๆ จากนั้นได้เข้าไปคอมเม้นท์เพื่อแสดงความคิดเห็น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นต่างกล่าวโจมตีครูปรีชา รวมทั้งพยานอย่างรุนแรง แสดงความคิดเห็น ต่อว่า ด่าทอ รวมทั้งเปรียบเทียบไปต่างๆ นานา รู้สึกอย่างไร อยากจะกล่าวอะไรเกี่ยวกับคำถามบ้าง และในวันที่ขึ้นศาล ทนายความเคยบอกว่า มีพยานวัตถุอยู่ด้วย พอจะเปิดเผยได้หรือไมอย่างไร
ทนายเกรียงไกร ตอบคำถามเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องการออกมาแสดงความคิดเห็น รวมทั้งคอมเม้นท์ต่างๆ นั้น ทางทนายความได้พูดคุยกับลูกความ คือ ครูปรีชา มาโดยตลอด ซึ่งก็ให้ความเคารพ ความคิดเห็นของทุกคน ส่วนเรื่องหลักฐานทางด้านวัตถุพยานนั้น ทางทนายความไม่ขอนำมาเปิดเผย เพราะเป็นจรรยาบรรณของทนาย และขณะนี้ได้มีเวทีเพื่อให้ทุกฝ่ายได้พิสูจน์ความจริง นั่นคือการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง