"บิ๊กตู่"สั่งสอบสวน"บิ๊กเอกชน"ล่าสัตว์คุ้มครองตรงไปตรงมา

     เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายานว่า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ได้เข้าจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ตำแหน่งประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน), นายยงค์ โดดเครือ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 8 ต.คุ้งพะยอม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี, นางนที เรียมแสน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 1 ต.ทุ่งสว่าง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา และนายธานี ทุมมาศ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 3 ต.ช่องสะเดา องเมือง จ.กาญจนบุรี โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เวลา 13.00 น. ที่บริเวณป่าห้วยปะชิ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ท้องที่ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาน้ำโจน

     พร้อมยึดของกลางปืนไรเฟิลติดลำกล้อง ขนาด 30.06 จำนวน 1 กระบอก ปืนไรเฟิลติดลำกล้องขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองแฝดเบอร์ 20 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาด 30.06 จำนวน 7 นัด กระสุนปืน ขนาด .22 หัวทองแดง จำนวน 53 นัด กระสุนปืน ขนาด .22 หัวตะกั่ว 61 นัด กระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 20 จำนวน 4 นัด กระสุนปืนลูกซอง 2 แรงครึ่ง จำนวน 13 นัด กระสุนปืนลูกซอง 1 แรง จำนวน 4 นัด เข็มขัดบรรจุกระสุนปืนลูกซองแบบคาดเอว จำนวน 1 เส้น น้ำมันล้างปืน จำนวน 1 ขวด และซากเสือดำถูกชำแหละแล้ว 1 ตัว หนัก 10.6 กิโลกรัม ไม่รวมหนังเสือ มีความยาวหัวถึงสะโพก 83 เซนติเมตร และหนังเสือดำที่ถูกชำแหละแล้ว จำนวน 1 ผืน หนัก 2.6 กิโลกรัม ความยาวหัวถึงหาง 148 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังพบซากไก่ฟ้าหลังเทา จำนวน 1 ตัว หนัก 0.6 กิโลกรัม ซึ่งสัตว์ป่าทั้ง 2 ชนิดเป็นสัตว์ป่าประเภทสัตว์ป่าคุ้มครอง

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายเปรมชัย พร้อมพวกรวม 4 คน เข้าไปท่องเที่ยวในเส้นทางสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก-หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง-หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช โดยมีโปรแกรมการท่องเที่ยวป่าเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน ซึ่งเป็นเส้นทางที่เปิดให้ท่องเที่ยว ชื่อ ทินวย-ทิคอง-มหาราช ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ คณะเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวร ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช พบคณะของนายเปรมชัย ลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในจุดบริเวณห้วยปะชิ ซึ่งอยู่ระหว่างหน่วยทิคอง กับหน่วยมหาราช ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปตั้งแคมป์

     หลังจากรับแจ้ง นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและจากการตรวจสอบครั้งแรกเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนไรเฟิลติดลำกล้องจำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองแฝด จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนพร้อมใช้งาน และซากไก่ฟ้าหลังเทากับเนื้อเก้ง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายเปรมชัยพร้อมพวก ไปที่สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ โดยถึงในเวลา 02.40 น.ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ต่อมานายวิเชียรได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติม ผลปรากฏพบซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อและหนัง และพบเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมาก โดยของกลางทั้งหมดถูกซุกซ่อนเอาไว้บริเวณที่แคมป์พัก

     เจ้าหน้าที่จึงจดทำบันทึกรายชื่อผู้ต้องหา พร้อมของกลางซากสัตว์ป่า รวมทั้งอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในหลายข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 3.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 4.นำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2538) ออกตามความตามมาตรา 37 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และ 5.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ตามมาตรา 14 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 รวมทั้ง 6.ความผิดต่อพ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 โดยให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป

     ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จ.จันทบุรี นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีจับกุมนายเปรมชัยและพวกว่า เบื้องต้นนายเปรมชัยยังให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ดีกรณีนี้ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ขณะนี้ต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปก่อน ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ส่วนข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้มาจากเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจพบซากเสือดำ อาวุธ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เห็นในตอนยิง ดังนั้นทุกอย่างต้องว่าไปตามกระบวนการ

     “เท่าที่ได้รับรายงาน นอกจากนายเปรมชัยแล้ว ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน แต่ยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง อยู่ในแวดวงธุรกิจระดับสูงเหมือนนายเปรมชัยด้วยหรือไม่ หรือมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการก่อน แต่เท่าที่ได้รับรายงานขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง แต่กลุ่มของนายเปรมชัยขออนุญาตเข้าพื้นที่ไปจุดหนึ่งแต่กลับไปอีกจุดหนึ่ง หากเจ้าหน้าที่ไม่มีการลาดตระเวนคงไม่สามารถจับกุมได้ ทั้งนี้สำหรับบทลงโทษหากพบว่ากระทำผิดจริงต้องพิจารณาว่าผิดกระทงใดบ้าง” นายธัญญากล่าว

     ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ เพราะนายเปรมชัยเป็นถึงนักธุรกิจระดับสูง นายธัญญา กล่าวว่า ไม่ได้กังวล เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่เราทำดีที่สุด ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ต้องให้ขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่ เนื่องจากไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าใครถ้าผิดว่าไปตามผิด แต่ต้องอยู่ที่พยานหลักฐานว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า นักท่องเที่ยวหรือบุคคลทั่วไปสามารถพกพาอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนหรืออุทยานแห่งชาติได้หรือไม่ นายธัญญา กล่าวว่า เราไม่ให้เอาเข้าอยู่แล้ว แต่โดยปกติเจ้าหน้าที่ของเราไม่มีโอกาสจะไปตรวจค้นว่าใครจะเอานำอะไรเข้ามาในพื้นที่

ศาลให้ประกัน“เปรมชัย-พวก”

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น. วันนี้ (6 ก.พ.) หลังจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า หรือชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สุมิตร บุญยะนิจ รองสว.สอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ให้ดำเนินคดีนายเปรมชัยกับพวกรวม 4 คน ฐานลักลอบเข้าไปล่าสัตว์สงวนในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 5 ข้อหา ส่วนข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนให้ตำรวจแจ้งความดำเนินคดี

     นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ชุดจับกุมซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกชุดนี้ตั้งใจทำงาน ไม่เกรงกลัวอิทธิพลหากทำผิดกฎหมายจับหมด ซึ่งขอชื่นชมการทำงานของรุ่นน้อง ส่วนกรณีโลกโซเชียลได้ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ก็รู้สึกดีใจมาก พวกเราทำงานเพื่อสังคมไม่ได้ทำงานเพื่อคนใดคนหนึ่งหรือรับใช้ใคร ซึ่งกำลังใจได้เป็นแรงผลักดันให้เราทำงาน

     ต่อมา เวลา 16.00 น. ร.ต.อ.สุมิตรได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไปยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ ได้ควบคุมตัวมาตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ จนกระทั่งส่งตัวมาให้พนักงานสอบสวนในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งเกรงว่าจะพ้นอำนาจการควบคุมตัวจึงต้องรีบนำตัวไปศาล กระทั่งเวลา 17.30 น. หลังจากทนายความของผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดเพื่อขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวนายเปรมชัยพร้อมกับพวก ตีราคาวงเงินประกันตัวคนละ 1.5 แสนบาท รวม 4 คน 6 แสนบาท ทั้งนี้ภายในที่ทำการศาล มีผู้ติดตามนายเปรมชัย ได้นำรถเรนจ์โรเวอร์ สีดำ สตาร์ทเครื่องยนต์รอไว้ แต่การสอบปากคำนายเปรมชัยยังไม่เสร็จสิ้น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ใช้เก้าอี้หน้าทางขึ้นศาลเป็นสถานที่ตรวจคราบเขม่าดินปืนจากมือของนายเปรมชัยและผู้ต้องหาอีก 3 คนเพื่อหาคราบเขม่าดินปืนโดยแต่ละคนใช้เวลาคนละประมาณ 10 นาที 

“ศรีวราห์”ปัดข่าวสลับตัวผู้ต้องหา

     ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงในโลกโซเชียลมีเดียในช่วงเช้าวันนี้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทางทนายความฝ่ายผู้ต้องหากดดันนั้น ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพิ่งได้รับมอบตัวผู้ต้องหาจากหน่วยพิทักษ์ป่าฯ เมื่อช่วงเวลา 15.30 น. เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้งานในโซเชียลมีเดียที่มีการเผยแพร่หรือแชร์ข้อความในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว โดยจะมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในลักษณะนี้ต่อไป

     พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงการจับกุมว่า เรื่องนี้ขอให้ไปถามผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องดีกว่า ไม่อยากก้าวล่วง ตนได้รับคำสั่งจากคสช.ให้กำกับดูแลเฉพาะเรื่องการบุกรุกป่าปลูกฝิ่นเป็นหลักเท่านั้น แต่ในฐานะผู้บังคับบัญชายืนยันว่าจะบังคับใช้กฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ ตำรวจไม่มีความกังวล แม้ว่าผู้กระทำความผิดจะเป็นนักธุรกิจดัง มีชื่อเสียง มีตำแหน่งทางสังคม แต่ก็ไม่เกี่ยวกัน

     “กฎหมายไม่มีใครใหญ่ ใครไม่ใหญ่ใครนำพา ใครร่วมด้วย ใครเกี่ยวข้องก็จับให้หมด ไม่ได้มีปัญหา เรื่องนี้สบายใจได้ว่าเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการสลับตัวผู้ต้องหานั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้รับรายงานและเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตามขั้นตอนก็จะนำตัวมาส่งให้แก่พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว

แฉยื่นอนุญาตเข้าศึกษาธรรมชาติ

     ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) น.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ แถลงว่า การเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีการกำหนดแนวทางและหลักปฏิบัติไว้ชัดเจน โดยมอบหมายอำนาจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการคือกรณีขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์และขอใช้บ้านพักในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าต้องขออนุญาต ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยระยะเวลาการขออนุญาตจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน ส่วนการขออนุญาตเข้าไปศึกษาธรรมชาติ พักกางเต็นท์ ต้องขออนุญาต ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีนี้คือ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และการขออนุญาตเข้าพื้นที่แบบไปเช้าเย็นกลับสามารถขออนุญาตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้เลย

     สำหรับการเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ ฝั่งตะวันตก สามารถเข้าได้ 4 เส้นทาง เป็นเส้นทางสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศสำหรับศึกษาธรรชาติ โดยใช้รถยนต์ มีการกำหนดว่าจะเข้าได้กี่วัน ขนาดล้อรถยนต์เท่าไร เพื่อไม่ให้กระทบต่อสภาพแวดล้อม และไม่อนุญาตให้ใช้เส้นทางน้ำเด็ดขาด ทั้งนี้ได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่ระบุว่าเป็นผู้ประสานงานของนายเปรมชัยว่าจะขอเข้าพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตนได้แจ้งให้ไปประสานกับทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ได้เลย เพราะเป็นการขอเข้าพักกางเต็นท์เพื่อศึกษาธรรมชาติ

     “ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับนายเปรมชัยเป็นการส่วนตัว ที่มีการระบุว่านายเปรมชัยเป็นแขกของดิฉัน ต้องตอบว่านักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการศึกษาธรรมชาติในเขตรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ เป็นแขกของเจ้าหน้าที่ทุกคน และปฏิบัติกับทุกคนที่มาติดต่อเช่นเดียวกันและเท่าเทียมกันหมด ดิฉันไม่ค่อยรู้จักคนมีชื่อเสียง หรือคนใหญ่คนโตอยู่แล้ว ทั้งนี้การขอให้อำนวยความสะดวกในการเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้นไม่ค่อยเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่พื้นที่ที่มีความสะดวกสบายมากนัก ส่วนมากจะเป็นการขอเข้าพื้นที่อุทยานฯ ใหญ่ๆ มากกว่า” น.ส.กาญจนากล่าว

     ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจค้นอาวุธก่อนกลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าพื้นที่หรือไม่ น.ส.กาญจนา กล่าวว่า มีการสุ่มตรวจตามปกติ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าคนระดับนี้จะกระทำการแบบนี้ เพราะขอเข้าไปศึกษาธรรมชาติ ซึ่งปกติก็มีการตรวจสอบสิ่งของที่นำเข้าไปและนำออกมาอยู่แล้ว เมื่อถามว่าถือว่าเจ้าหน้าที่ประมาทหรือไม่ น.ส.นิตยา กล่าวว่า เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ถือว่าเป็นโชคดีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำดังกล่าว แต่โชคร้ายที่เราสูญเสียสัตว์ป่าไปหลายตัวโดยเฉพาะเสือดำ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองขนาดใหญ่ หายาก ขณะนี้ในพื้นที่เหลืออยู่ไม่เกิน 130 ตัวเท่านั้น ยืนยันว่ากรมอุทยานฯ จะเร่งติดตามคดีให้ถึงที่สุด โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางเข้าไปช่วยทำสำนวนเพื่อให้เกิดความรัดกุมและสามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้ เรื่องนี้นายเปรมชัยต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะอยู่ในร่วมในเหตุการณ์ จะอ้างว่าเป็นลูกน้องดำเนินการ แต่ไม่ห้ามปรามไม่ได้

ระบุชัดยังไม่ได้อนุญาตเข้าพื้นที่

     ผู้สื่อข่าวถามว่า นายธรรมรัฐ วงศ์โสภา รักษาการผอ.สำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ระบุว่า คณะของนายเปรมชัยไม่ได้ขออนุญาตก่อนเข้าพื้นที่ น.ส.กาญจนา กล่าวว่า ก็ถือว่าเป็นความผิดอีกฐานหนึ่ง คือเข้าพื้นที่ก่อนไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ ทราบว่ากลุ่มดังกล่าวจะขอเข้าพื้นที่ระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ ซึ่งได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่าช่วงเย็นวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พบกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้อยู่ในจุดที่อนุญาตให้พักแรมได้ และได้แจ้งให้กลับไปอยู่ในจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนด ส่วนเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนหรือพบความผิดปกติอื่นหรือไม่นั้น น.ส.กาญจนา กล่าวว่า เดิมในจุดดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่อยู่ 4 นาย ระหว่างลาดตระเวนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงได้ขอกำลังมาสมทบเพิ่ม และได้เข้าไปตรวจในบริเวณรอบๆ เต็นท์ของผู้ต้องหา พบกระสุนปืนตกอยู่ 1 ปลอก จึงผิดสังเกตและได้เข้าตรวจค้น จึงพบซากสัตว์ดังกล่าว ทั้งนี้ คาดว่ามีการเตรียมการไว้ว่าจะเข้ามาล่าสัตว์ เพราะนอกจากอาวุธแล้ว ยังมีเกลือจำนวนมากนำเข้ามาด้วย

     ด้านนายธรรมรัฐ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหายื่นขออนุญาตเข้าพื้นที่มาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ แต่ปรากฏว่าเอกสารหลักฐานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์และยังต้องขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอนุญาต ดังนั้นการเข้าไปของกลุ่มผู้ต้องหาจึงเป็นการเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต

“บิ๊กเต่า”สลดไม่น่าเกิดในพ.ศ.นี้

     พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.ว่า ได้รับรายงานว่านายเปรมชัยขออนุญาตเข้าไปพักค้างคืนตามปกติ แต่เขาอยู่เกินที่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงไปจับกุมและปกติเมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปในเขตอุทยานตามที่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จะไม่ได้ไปค้นรถยนต์ และนักท่องเที่ยวที่เข้าไปก็ไม่ได้ถือปืนให้เห็น ถ้าถือให้เห็นเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เข้าไป โดยปกติเจ้าหน้าที่จะไม่ได้ตรวจค้น ไปเที่ยวอุทยานใครเขาค้นตัวกัน และคนที่เข้าไปเที่ยวในอุทยานเขารักธรรมชาติโดยพื้นฐาน

     "ไม่ต้องไปสงสัยประเด็นอื่น มีคนแอบเข้าไปล่าสัตว์แล้วเจ้าหน้าที่จับได้ แต่กรณีนี้เขาขอเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วเขาไม่ออกแต่กลับไปกางเต็นท์อยู่ข้างใน ถือว่าขัดต่อระเบียบ เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปจับกุม พอเข้าไปก็เจออาวุธปืนและซากสัตว์บางส่วนจึงควบคุมตัวออกมา ขณะที่ในช่วงเช้าเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอีกก็พบซากเสือดำ ถือเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่แค่สัตว์เล็กน้อย และเมื่อเป็นคดีความเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการเหมือนคดีทั่วไป และต้องสอบสวนว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร ผิดเป็นผิดไม่ต้องกังวล ส่วนโทษจะสูงหรือไม่ ขอให้ความผิดปรากฏก่อน ผมไม่ทราบ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เราก็เสียใจ และสลดใจ ไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เราก็งงๆ อยู่ เราอยู่กระทรวงทรัพยากรฯ สัตว์ตายเราก็เสียใจ และไม่น่าเกิดขึ้นในพ.ศ.นี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ แม้แต่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็พูดถึงเรื่องช้าง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการพูดคุยกันในที่ประชุม” พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว

     พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า รายละเอียดต้องไปดูในพื้นที่ เพราะปกติจะมีคนขออนุญาตเข้าไป ซึ่งก็มีคนเข้าไปเป็นจำนวนมาก ไปท่องเที่ยวแล้วก็กลับตามที่ขออนุญาต ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เข้มงวดในเรื่องเหล่านี้มาตลอด แต่เราคาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ทำพฤติกรรมอย่างนี้ ยืนยันว่านายเปรมชัยไม่ได้เป็นแขกพิเศษของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ตนก็ไม่รู้จักเขา และถ้าใครเกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้ จะให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชไปดูที่เกิดเหตุว่าเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวได้ทุกคนหรือไม่

นายกฯสั่งถ้าผิดจริงฟันไม่เลี้ยง

     ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจับกุมนายเปรมชัยและพวกที่เข้าไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษ ถ้ามีการพิจารณาคดีแล้วว่าผิด ก็ต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม ซึ่งการเข้าสู่กระบวนการก็ต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ และนำเข้าสู่การพิจารณา และตัดสินโดยศาลหรือกระบวนการยุติธรรม ตนไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงอะไรเขาตรงนี้ ทุกเรื่องเป็นเรื่องของกลไก ให้ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่ามาอ้างตน หรืออ้างใครเอื้อประโยชน์ใครไม่ได้ทั้งนั้น

     ผู้สื่อข่าวถามว่า อาวุธที่ยึดได้หลายรายการมีข้อสงสัยว่าอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐไฟเขียวจึงทำให้นำอาวุธเข้าไปได้ นายกฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “เป็นเรื่องของผู้กระทำความผิดที่เขาไม่รับผิด แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเจ้าหน้าที่รัฐ ผมไม่เข้าใจ คำถามแบบนี้ไม่สร้างสรรค์”

ชี้เรื่องส่วนตัวยังต้องรอสอบสวน

     นายปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและส่งเสริมความรู้ผู้ลงทุน ก.ล.ต. กล่าวว่า จากข้อมูลที่ปรากฏในข่าว กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องส่วนตัว ที่ยังต้องมีกระบวนการในการพิจารณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนั้น ตามกฎหมายหลักทรัพย์ฯ คุณสมบัติของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจะพิจารณาในเรื่องการบริหารงาน ความซื่อสัตย์สุจริต และความเป็นมืออาชีพในการดำเนินกิจการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีส่วนใดเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของบริษัทจดทะเบียน

มูลนิธิสืบฯจี้รัฐสร้างบรรทัดฐาน

     มีรายงานว่า นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแถลงการณ์ 5 ข้อ คือ 1.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันด้านตกเป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2534 โดยสาธารณชนรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะได้รับการปกป้องและอนุรักษ์ไว้ ดังนั้น การที่ผู้ต้องหาเข้าไปในพื้นที่โดยอ้างว่าไม่ทราบจึงเป็นไปไม่ได้ 2.เมื่อ 30 ปีที่ผ่าน ประชาชนชาวไทย เจ้าหน้าที่ และองค์กรต่างๆ ให้ความร่วมมือช่วยกันอนุรักษ์เรื่อยมาจนสัตว์ป่าเพิ่มมากขึ้น แต่การที่คนที่มีสถานภาพทางสังคมเข้าไปล่าสัตว์ป่า แสดงให้เห็นถึงการไม่เคารพต่อกฎหมายและผลงานการอนุรักษ์ของสังคมไทย

     3.จากการติดตามข่าวมีการอ้างรู้จักต่อข้าราชการในระดับบริหารขอเข้าไปยังพื้นที่โดยให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวพักผ่อน แต่กลับเข้าไปล่าสัตว์ป่า นับเป็นการกระทำที่ปราศจากความละอายใจและย่ามใจว่าเจ้าหน้าที่คงไม่กล้าดำเนินการตรวจสอบ 4.ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกในความกล้าหาญสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ และ 5.ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และรัฐบาลอย่าได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลและสถานะทางธุรกิจอันใหญ่โตของผู้ต้องหา ขอให้สืบสวนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดี

     นายศศิน กล่าวตั้งข้อสังเกตว่า ในเรื่องของการตรวจอุปกรณ์ที่นำเข้าไป ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องยาก เพราะนายเปรมชัยเป็นแขกของผู้ใหญ่ เพราะทราบมาว่ามีคนฝากนายเปรมชัยเข้าไปด้วย จึงไม่มีใครกล้าตรวจ ซึ่งถือเป็นกรณีที่ผิดปกติมากๆ ส่วนจะนำสัตว์ที่ล่ามาไปทำอะไร แต่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เสือทุกชนิด กินแล้วจะบำรุงสมรรถภาพทางเพศ ส่วนหนังของเสือดำ แน่นอนว่าต้องนำไปเป็นของสะสม หากไปตรวจสอบที่บ้านก็อาจจะพบของสะสมเพิ่มอีกก็ได้ ซึ่งก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเพิ่มเติมในส่วนนี้ด้วย

ฉบับ นสพ.คมชัดลึก

***ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดคลิปลับ หลังจับ “เปรมชัย” “ขออะไรผมให้หมด” !!