รวบหนุ่มแจ้งเท็จพระวัดดังเล่นไพ่-ดูหนังลามก

 

               4 ก.พ. 61  จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า เมื่อเวลา 21.23 น. วันที่ 31 ม.ค. ทาง สน.สามเสน ได้รับแจ้งจาก นายจีรวัฒน์ เมืองซ้าย อายุ 34 ปี ทางโทรศัพท์ อ้างว่าที่คณะใต้ วัดราชาธิวาสวิหาร มีพระมั่วสุมเล่นไพ่และดูหนังลามกอนาจาร หลังจากรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจสอบตามเหตุที่มีผู้แจ้ง ซึ่งไม่ปรากฏเหตุการณ์ตามที่นายจีรวัฒน์ได้แจ้งไว้ ทางเจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ผู้ถูกกล่าวหาให้เสียหายไปลงบันทึกข้อความไว้ที่ สน.สามเสน โดยมี ร.ต.ท.กิตติพิชญ์ เดชพันธุ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.สามเสน เป็นผู้รับลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนประสานทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.สามเสน ติดตามตัวนายจีรวัฒน์มาสอบถามข้อเท็จจริง

               ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ สน.สามเสน  พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว ผกก.สน.สามเสน กล่าวว่า เมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยคณะผู้ใต้บังคับบัญชาได้มีโอกาสไปสักการะพระธรรมกิตติเมธี (เกษม สัญญโต) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส เจ้าคณะภาค 16 - 17 - 18 ธรรมยุต ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ เพื่อรายงานความคืบหน้าของคดีที่ผู้แจ้งได้แจ้งเหตุเท็จตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การจับกุมตัวนายจีรวัฒน์ได้ที่ย่านจตุจักร กทม. พร้อมทั้งตรวจพบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการก่อเหตุ ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ จึงนำตัวส่งฟ้องศาลแขวงดุสิตเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา

               พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวต่อว่า โอกาสนี้ตนยังกราบเรียนขอคำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่จากพระเดชพระคุณท่าน ถึงกรณีเมื่อมีเหตุภายในวัด เพื่อที่จะประสานการปฏิบัติงานให้มีความเรียบร้อยราบรื่น โดยพระเดชพระคุณท่านได้ให้ความกรุณามอบแนวทางในการปฏิบัติร่วมกัน นอกจากนี้สำหรับในวันเกิดเหตุภายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จึงรุดไปตรวจสอบเหตุเบื้องต้น ซึ่งได้กราบเรียนพระเดชพระคุณท่านบริเวณด้านหน้ากุฏิโดยไม่มีการเข้าไปตรวจค้นภายในแม้แต่อย่างใด ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่าเป็นการแจ้งความเท็จ จึงนิมนต์กราบเรียนให้พระเดชพระคุณท่านแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ดังกล่าว