ข่าว

ยกฟ้อง'นศ.-นักข่าว'แจกเอกสารโหวตโน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลจังหวัดราชบุรีพิพากษายกฟ้อง 4 นักศึกษา กับ 1 นักข่าว ที่ถูกจับขณะเตรียมแจกเอกสารโหวตโน


               จากกรณีที่ นายปกรณ์ อารีกุล,นายอนันต์ โลเกตุ, นายอนุชา รุ่งมรกต, นายภาณุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ซึ่งเป็นนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM)และ นายทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ประชาไท รวมทั้งสิ้น 5 คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จับกุมและดำเนินคดี ข้อหา “ร่วมกันดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงหรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ม.61 วรรค 2 เหตุเกิดที่บริเวณ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2559

               ล่าสุดวันนี้ (29 ม.ค.61) เวลา 10.35 น. ศาลชั้นต้นโดยศาลจังหวัดราชบุรี ได้นัดหมายผู้ต้องหาทั้ง 5 คนดังกล่าวมาฟังคำพิพากษา ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.2418/59 ในบัลลังก์ 3 โดยคดีนี้มีพนักงานอัยการจังหวัดราชบุรีเป็นโจทก์ ซึ่งศาลพิจารณาเห็นว่า การที่จำลยที่ 1-4 ซึ่งเป็น นศ.ในกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ได้นำใบปลิว เอกสาร แผ่นพับ สติ๊กเกอร์ ที่คั่นหนังสือ และแผ่นป้ายไวนิล รวมถึงสิ่งของอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาในบริเวณ สภ.บ้านโป่ง โดยใส่ไว้ในรถของจำเลยที่ 5 ในวันที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อให้กำลังใจแก่นายบริบูรณ์ เกียงวรางกูร แกนนำ นปช.อ.บ้านโป่ง ซึ่งถูกจับในคดีฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประชามติฯ ซึ่งสติ๊กเกอร์ที่นำมาจะเป็นชนิดเดียวกับสติ๊กเกอร์ที่นายบริบูรณ์ ติดไว้ตรงหน้าอกเสื้อด้านขวา และมีข้อความว่า “7สิงหา ร่วมกันโหวตโน กับอนาคตที่ไม่ได้เลือก” ก็ตาม แต่เนื่องจากในการเบิกความของพยานฝ่ายโจทก์ที่เกี่ยวข้อง ได้ปรากฎข้อเท็จจริงว่า ไม่พบเห็นว่ากลุ่มจำเลยมีการแจกจ่ายสติ๊กเกอร์หรือเอกสารเหล่านั้นให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดแต่อย่างใด

               สำหรับสติ๊กเกอร์ที่พบในรถของจำเลยที่ 5 แม้ว่าจะมีลักษณะเป็นชนิดเดียวกับสติ๊กเกอร์ที่ติดอกเสื้อนายบริบูรณ์ ก็ตาม แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากกลุ่มจำเลยกับนายบริบูรณ์ เป็นพวกที่มีความคิดเห็นทางการเมืองในแนวทางเดียวกัน ดังนั้นศาลจึงเห็นว่าพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักชัดเจนเพียงพอ ทรัพย์สินที่เป็นของกลางซึ่งยึดมาในคดี จึงยังไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดหรือพึงริบ ศาลจึงตัดสินเพียงให้ลงโทษจำเลยที่ 5 ฐานไม่ให้ความร่วมมือแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ สภ.บ้านโป่ง ในการพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยปรับเป็นเงิน 1,000 บาทเท่านั้น

               สำหรับจำเลยที่ 1-4 ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง โดยให้ปรับเป็นเงินคนละ 500 บาท ข้อหาอื่นๆ เป็นอันยกฟ้อง และให้เจ้าพนักงาน คืนของกลางที่ยึดมาทั้งหมดให้แก่เจ้าของทรัพย์โดยมีกลุ่ม นปช.ราชบุรีและจังหวัดใกล้เคียงมาให้กำลังใจพร้อมมอบช่อดอกไม้จำนวนมาก

               ด้านนายปกรณ์ อารีกุล หนี่งในกลุ่มนักศึกษาที่ถูกศาลยกฟ้อง บอกว่า ศาลได้ตัดสินยกฟ้องในคดีที่อัยการได้ฟ้องมาตรา 63 (1) โดยมีเนื้อหาในคำตัดสินว่าพฤติกรรมของจำเลยทั้ง 5 ยังไม่ถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และในส่วนของคดีที่ไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ เนื่องจากในวันที่ได้มีการจับกุม เราได้มีแนวทางว่าจะไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ จึงไม่ได้พิมพ์ในวันนั้น ซึ่งในคดีนี้ทางเราได้รับสารภาพต่อชั้นศาล ทางศาลจึงได้สั่งปรับคนละ 1 พันบาท เนื่องจากรับสารภาพจึงเหลือลดโทษกึ่งหนึ่งคือปรับ 500 บาท แต่เนื่องจากในวันที่มีการควบคุมตัวที่ สภ.บ้านโป่ง ได้มีการขังพวกเราไปแล้ว 1 คืน ทำให้ไม่ต้องเสียค่าปรับนี้ ให้ใช้การขังที่ สภ.บ้านโป่ง แทนค่าปรับไป

               ในส่วนของการดำเนินการต่อไปก็คงต้องรอปรึกษากับทีมทนาย เพราะว่าจริงๆ แล้วคดีนี้เราซึ่งเป็นผู้ที่ทำผิดทางการเมืองนั้น คิดว่ายังไม่ได้ทำอะไร ตั้งแต่ต้นพยายามยืนยันกับเจ้าหน้าที่ในวันที่มีการจับกุมว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอด 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมาในการสืบสวนในชั้นศาล เราก็ได้ยืนยันแบบนั้นไปตลอด เพราะฉะนั้นเมื่อคำตัดสินออกมาเป็นแบบนี้ ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่เป็นนักศึกษา เพื่อนๆ ที่ไปสมัครงานที่อื่นไม่ได้ ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ คงจะต้องมีการพูดคุยกันถ้าจะมีการฟ้องกลับ ว่าจะฟ้องในข้อหาอะไรมีความเสียหายแค่ไหน เพราะเราก็เชื่อว่าเราบริสุทธิ์มาตลอดในคดีนี้

               ในส่วนของความเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น ตนคิดว่าแม้ว่าจะถูกดำเนินคดี ที่ผ่านมาก็ไม่ได้เงียบหายไปไหนก็ยังคงมีความเคลื่อนไหวในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของชาวบ้าน หรือสิ่งแวดล้อม หรือทรัพยากร นักกิจกรรมรุ่นใหม่ นอกจากคดีนี้ก็ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในเรื่องที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ถูกต้อง หลังจากนี้สิ่งไหนที่รัฐบาลทำแล้วไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติหรือประชาชนละเมิดต่อหลักการประชาธิปไตยละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน ก็จะมีคนแบบพวกเราร่วมกันขึ้นมาต่อไป

               ส่วนนายนายทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ประชาไท บอกว่า ตนรู้สึกว่าถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพ เนื่องจากว่าตั้งแต่ตอนที่ถูกจับกุมก็ได้แสดงตัว แสดงบัตรแล้วว่าเป็นผู้สื่อข่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถโทรสอบถามต้นสังกัดได้ และในช่วงที่มีการสืบพยานทางผู้จับกุมก็ไม่สามารถระบุได้ว่าตนมีส่วนร่วมกับนักกิจกรรมทั้ง 4 คนหรือไม่ ส่วนที่จะมีการฟ้องกลับหรือไม่นั้นก็จะต้องขอปรึกษากับทางทนายความก่อน เพราะตั้งแต่ถูกจับนั้นก็รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ