เพลิงพิโรธเผาวอดบ้านทาวน์โฮม จนท.พบสาวถูกไฟคลอกดับ1ราย!!

          เมื่อเวลา 01.50 น. วันที่ 25 มกราคม 2561  ร.ต.อ.อภิชัย สีสังข์ รอง สว.(สอบสวน)สน.ทุ่งมหาเมฆ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้และมีผู้ติดค้างภายใน อาคารพาณิชย์ เลขที่ 23/9 ซอยศาลาแดง 1 ถนนพระราม 4 แขวงและเขตบางรัก กทม. รุดตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.อัครวุฒิ ธานีรัตน์ ผกก. สน.ทุ่งมหาเมฆ เจ้าหน้าที่สายตรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพฯ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

              ที่เกิดเหตุเป็นที่พักอาศัย ลักษณะเป็นทาวน์โฮม สูง 4 ชั้น มีกำแพงกั้น บริเวณชั้น 1 พบแสงเพลิงกำลังลุกลามขึ้นไปบนชั้น 2 และ 3 รวมทั้งมีกลุ่มควันจำนวนมาก ลอยกระจายทั่วพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไปบ้านข้างเคียง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ควบคุมเพลิงสงบ จากนั้นจึงช่วย หญิงชรา ที่หลบอยู่บนระเบียงชั้น 4 ลงมาสู่พื้นล่างอย่างปลอดภัย นำตัวส่ง รพ.เลิดสิน เบื้องต้นเสียหายทั้ง 4 ชั้น โดยเฉพาะชั้นล่างเสียหายหนัก และรถยนต์ ฮอนด้า ฟรีด สีขาว ทะเบียน 3 กส 5045 กรุงเทพมหานคร จอดในรั้วบ้านเสียหายทั้งคัน โดยพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย สภาพไหม้เกรียม ที่พื้นใกล้เตียงนอน ชั้นล่าง ทราบชื่อ น.ส.จันจิรา เอี่ยมฤทธิไกร อายุ 46 ปี นำส่งนิติเวช รพ.จุฬาฯ

              นายสิทธิชัย เอี่ยมฤทธิไกร อายุ 48 ปี (ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง จำกัด จำหน่ายผงซักฟอก ยี่ห้อ "แอป"(APP) ) เจ้าของบ้านให้การว่า บ้านหลังดังกล่าว มีผู้พักอาศัย รวมตน 9 คน โดยขณะเกิดเหตุพบต้นเพลิงเกิดจาก รถเข็นไฟฟ้ามือสอง ที่ซื้อมาให้น้องสาวที่เสียชีวิต ใช้กว่า 2 เดือนเนื่องจากน้องป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงช่วงล่าง อยู่ในห้องนอนชั้นล่าง ก่อนที่ไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว คนในบ้านจึงรีบหนีออกมา ส่วนแม่หลบอยู่บนชั้น 4 โชคดีที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัย

               พ.ต.อ.อัครวุฒิ เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดว่า เพลิงไหม้ เกิดจากแบตเตอรี่ รถเข็นไฟฟ้า ที่ลัดวงจรขณะทำการชาร์จไว้ ก่อนไฟจะลุกลาม จากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ส่วนมูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ต้องให้ทางเจ้าของบ้านตรวจสอบ เนื่องจากที่พักเสียหายเกือยทั้งหมด หลังจากนี้จะทำการปิดกั้นพื้นที่ชั่วคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัด และผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบสภาพโครงสร้างว่าปลอดภัยหรือไม่ ในช่วงเช้า วันที่ 25 มกราคม ต่อไป