ข่าว

ร้องศูนย์ดำรงธรรมที่นา 6 ไร่ บินไปอยู่หมู่บ้านอื่น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สองสามีภรรยาร้องศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี หลังที่นา 6 ไร่ ย้ายไปอยู่หมู่บ้านอื่น เสียสิทธิ์ยื่นขอ น.ส.3 ก.

 

               22 ม.ค. 61  เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี  น.ส.กฤษณา เอกพงษ์ อายุ 41 ปี และนายพรพรหม เสือดำ อายุ 45 ปี ภรรยา-สามี เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ นางณริดา เหลืองฐิติสกล ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสำนักงานที่ดินจังหวัดอุดรธานี ส่วนแยกอำเภอน้ำโสม คัดค้านการทำเอกสารการครอบครองที่ดิน ส.ค.1 เป็น น.ส.3 ก. จำนวน 6 ไร่ ซึ่งเป็นที่นา

               น.ส.กฤษณา และนายพรพรหม ร่วมกันเปิดเผยว่า พวกตนมีอาชีพเกษตรกร ปลูกหญ้าเนเปียร์ขาย ที่ดินดังกล่าวเดิมอยู่หมู่ 9 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.นางัว ต่อมาได้แยกหมู่บ้านมาเป็น หมู่ 15 บ้านโนนภูทอง ต.นางัว ที่ดินดังกล่าวมีทั้งหมด 13 ไร่ 1 งาน 24 ตารางวา ผู้เข้าทำประโยชน์ถือกรรมสิทธิ์ คือ นายหนู จำปาเรือง , นายหรั่ง จำปาเรือง ลูกชายนายหนู ต่อมา นายสุดใจ เก่าเกรม ได้เข้าไปทำประโยชน์ต่อ แต่เกิดป่วยเป็นมะเร็งในสมอง จึงให้สิทธิ์ นายสมบูรณ์ เอกพงษ์ อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นบิดา น.ส.กฤษณา เข้าทำประโยชน์ต่อ 9 ปี ด้วยการทำนา และปลูกหญ้าเนเปียร์ขาย

               น.ส.กฤษณา เล่าต่อไปว่า ต่อมาปี 2557 ได้มีประกาศให้ชาวบ้านที่มีเอกสาร ส.ค.1 (ใบแจ้งการครอบครองที่ดิน เป็นหลักฐานว่าตนครอบครองที่ดินแปลงใด อยู่ที่ใด) ไปยื่นขอจดเป็น น.ส.3 ก. (หนังสือรับรองจากนายอำเภอท้องที่หรือเจ้าพนักงานที่ดินว่าเราได้เข้าไปทำประโยชน์จากที่ดินนั้นแล้ว โดยได้มีการรังวัดและทำแผนที่ดินด้วยระวางภาพถ่ายทางอากาศเรียบร้อยแล้ว) มีชาวบ้านมาบอกว่า ที่ดินที่ตนเข้าทำประโยชน์ นายหนูที่เข้าทำประโยชน์คนแรกเคยไปจด ส.ค.1 ให้ไปค้นเอกสารที่สำนักงานที่ดินน้ำโสม ซึ่งนายสมบูรณ์และพวกตน ได้เข้าไปขอค้น พบว่า ที่ดินดังกล่าวได้จด ส.ค.1 จริง เป็นที่นาจำนวน 6 ไร่

               สองสามีภรรยา เล่าต่อไปว่า นายสมบูรณ์ได้ดำเนินการติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินน้ำโสม ขอตรวจสอบ ส.ค.1 พบว่า มีจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ออกได้ไม่มีปัญหา จึงทำตามขั้นตอนด้วยการ 1. ยื่นขอออกเอกสารสิทธิ์ 2. รับรองการออกเอกสารสิทธิ์ 3. รังวัด ซึ่งปรากฏว่า ที่ดินจาก 6 ไร่ เหลือ 5 ไร่ 2 งาน เสียค่าดำเนินการและรังวัดไปกว่า 3,500 บาท ตนจึงท้วงติงว่า ที่ดินหายไป 2 งาน เจ้าหน้าที่รังวัดจึงเสนอให้รังวัดใหม่และจ่ายเงินค่ารังวัดด้วย ตนเห็นว่าไม่ใช่ความผิดของชาวบ้าน เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่รังวัด จึงปฏิเสธการจ่ายเงินค่ารังวัดรอบ 2

               นายพรพรหม เล่าต่อไปว่า ขั้นตอนที่ 4 ติดประกาศ ปรากฏว่า ไม่มีชาวบ้านคัดค้าน ทายาทเจ้าของเดิม ไม่คัดค้าน ผ่านไป 3 เดือน เมื่อตนไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดินกลับแจ้งให้นายสมบูรณ์ไปยกเลิกการขอ น.ส.3 ก. พอถามเหตุผลว่าทำไมต้องยกเลิก เจ้าหน้าที่บอกว่า ที่ดิน ส.ค.1 แปลงที่ขอยื่นเป็น น.ส.3 ก. ไม่ได้อยู่ที่ หมู่ 15 บ้านโนนภูทอง แต่อยู่ที่หมู่ 8 บ้านโคกน้อย ต.นางัว เป็นที่ของ นางน้อย อุดมไพร อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะทั้งสองหมู่บ้านอยู่ตรงกันข้าม มีถนนสาธารณะกั้นกลาง เป็นไปไม่ได้ที่ที่ดินของตนจะไปอยู่หมู่ 8 เรื่องดังกล่าวทำให้นายสมบูรณ์ซึ่งมีอาการป่วย เสียใจจนทรุดและเสียชีวิตลง

               เหลือขั้นตอนสุดท้ายคือ ชั้นศาล ซึ่งไม่มีชาวบ้านคัดค้าน แต่สำนักงานที่ดินอำเภอน้ำโสม เป็นผู้คัดค้านเอง ตนจึงได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงาน ซึ่งทุกหน่วยงานก็บอกว่า เรื่องอยู่ชั้นศาล ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ตนนำพยานบุคคล 28 ปาก ไปให้สอบทั้ง 3 นัด ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ที่ดินไม่มาศาล 2 นัด ทำให้ตนเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย นัดสุดท้าย ศาลสั่งให้ตนไปจ่ายค่าธรรมเนียมรังวัดให้นางน้อย ถ้าตนไปจ่ายธรรมเนียมค่ารังวัดให้นางน้อย ก็แปลว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของนางน้อยไม่ใช่ของนายสมบูรณ์ แสดงว่าตนยอมรับ ตนจึงไม่ยอมจ่าย ศาลจึงยกคำร้อง

               พวกตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานของรัฐ จึงมาขอความช่วยเหลือว่า ที่ดิน ส.ค.1 แปลงดังกล่าว มีภาพถ่ายทางอากาศ ระบุว่า อยู่ที่หมู่ 8 บ้านโคกน้อย เป็นของนางน้อย อุดมไพร แล้วที่ดินแปลงที่พวกตนทำนาทุกปี อยู่ที่ไหน เป็นของใคร หรือเป็น “ส.ค.บิน” พวกตนเป็นเกษตรกร ทำประโยชน์ ทำไร่ ทำนา ทำกิน บนที่ดินผืนนี้มานาน อยากมีเอกสารสิทธิ์เท่านั้น ไม่ได้นำไปขายให้นายทุน จึงมาขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี

               ต่อมา นายชัชวาล เชิดไชยศักดา ที่ดินจังหวัดอุดรธานี เดินทางมารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวด้วยตัวเอง พร้อมกับแจ้งว่า ศาลพิจารณาตามเอกสารที่เจ้าหน้าที่ที่ดินน้ำโสม หากคิดว่าไม่เป็นธรรม ก็สามารถร้องเรียนได้ และจะร่วมมือในการตรวจสอบตำแหน่ง ส.ค.1 ของผู้ร้อง

               นางรณิดา เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวได้ให้ผู้ร้องเขียนใบคำร้อง เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของ ส.ค.1 ที่ถูกต้อง โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี จะลงไปพื้นที่ไปตรวจสอบตามที่ร้องขอ โดยจะประสานนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหลักฐาน เอกสาร พยาน ไปแสดงเพื่อหาจุด ส.ค.1 ที่แท้จริง เพื่อให้ผู้ร้องได้รับความเป็นธรรม

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ