ข่าว

จับ 2 มาเฟียอิสราเอล !!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจท่องเที่ยวรับตัว 2 มาเฟียอิสราเอล ขับรถชนเพื่อนร่วมชาติ-มีดไล่แทงซ้ำเสียชีวิต ส่งดำเนินคดีที่สุราษฎร์ฯ เช็กสถานฑูตพบประวัติเคยก่อคดีแบบเดียวกันมาแล้ว

 

           จากกรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำท่าอากาศยานดอนเมือง เข้าควบคุมตัวชายสัญชาติอิสราเอล 2 คน คือนาย อียาล โบคาล (Mr.Eyal Bokal) อายุ 26 ปี และนายโดเลฟ ซูอาเรซ ( Mr.Dolev Zuarez) อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุขับรถพุ่งชน ก่อนจะขับรถไล่เหยียบซ้ำ สองนักท่องเที่ยวสัญชาติเดียวกัน และมาทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด เหตุเกิดที่หน้าโรงพยาบาลสมุยอินเตอร์ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย พื้นที่รับผิดชอบ สภ.บ่อผุด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนขึ้นเรือสปีดโบ๊ทแล้วเดินทางด้วยเครื่องบินจาก จ.สุราษฎร์ธานี มาลงที่สนามบินดอนเมือง กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเอาไว้ได้ โดยจากการสอบสวนผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากมีผู้ว่าจ้างในต่างประเทศให้ลงมือ

           ล่าสุดเมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 22 มกราคม 2561 พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เปิดเผยว่า ตำรวจท่องเที่ยวได้ติดต่อขอรับตัวผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนไปดำเนินคดีที่ จ.สุราษฎร์ธานี แล้ว โดยเดินทางไปเมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา ซึ่งจะเดินทางด้วยเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจากการสอบถาม ตม.สุราษฎร์ธานี ได้รับคำยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ โดยหลังเกิดเหตุทาง ตม.ได้รับการประสานจากตำรวจในท้องที่ให้เฝ้าระวัง จึงประสานข้อมูลไปยังสายการบินต่างๆ จนทราบว่าเดินทางมาที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จึงเข้าไปเชิญตัวมาสอบสวนตามหมายจับ

 

จับ 2 มาเฟียอิสราเอล !!

 

           “นอกจากนี้จากการประสานตรวจสอบข้อมูลประวัติไปทางสถานฑูตอิสราเอล ได้รับการชี้แจงว่าทั้งสองคนเคยมีประวัติการกระทำผิด หรือเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อน และอยู่ระหว่างตรวจสอบยืนยันแรงจูงใจในการก่อเหตุว่า เป็นไปตามคำให้การเรื่องที่อ้างว่าถูกว่าจ้างให้มาก่อเหตุหรือไม่ ขณะเดียวกันมีข้อมูลว่า เขาเคยมีเรื่องกันมาจากอิสราเอล และ มาเจอกันโดยบังเอิญ หลังก่อเหตุแล้ว ก็หนีมา กทม. เตรียมเดินทางกลับประเทศ เพราะตรวจเจอ ตั๋วเครื่องบินกลับอิสราเอล วันที่ 23 ม.ค. 61” พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าว

           พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการก่อคดีในไทยหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมืออีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าเคยก่อคดีอื่นอีกหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบประวัติการเดินทางทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหาย พบว่าเดินทางเข้าไทยมาในฐานะนักท่องเที่ยว คนละ 2-3 ครั้ง ไม่พบประวัติการต่ออายุขออยู่ต่อในราชอาณาจักรในระยะยาว และยืนยันว่าหลังการดำเนินคดีเสร็จสิ้น ผู้ต้องหาทั้งสองจะถูกขึ้นแบล็คลิสต์เป็นบุคคลห้ามเข้าประเทศต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ