ข่าว

แนะยึดหลัก “พระราชดำรัส ในหลวง ร.9” แก้ปัญหาคนกับช้าง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่ปรึกษาอุทยานฯ กุยบุรี แนะยึดหลัก “พระราชดำรัส ในหลวง ร.9” แก้ปัญหาคนกับช้าง


               18 ม.ค. 61  ความคืบหน้ากรณีช้างป่าพลายงางาม กุยบุรี อายุกว่า 20 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไรเฟิล เข้าที่เบ้าตาข้างซ้าย และชาวไร่ไปพบซากช้างล้มอยู่บริเวณลำห้วย ในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี หมู่ 8 บ้านพุบอน อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามคลี่คลายคดี 3 ชุด เบื้องต้น หัวกระสุนปืนไรเฟิลที่ใช้ยิงช้างป่าเป็นขนาด .375 แม้การสแกนค้นหาปลอกกระสุนของหน่วย EOD ไร่สับปะรดพื้นที่ชายเขาติดกับแนวป่าของเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จะยังไม่พบก็ตาม รวมไปถึงอาวุธปืนไรเฟิลที่ขึ้นทะเบียนไว้ตามอำเภอ 8 แห่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ส่งมอบเพื่อทำการตรวจสอบ เบื้องต้น พบว่ามีเพียงพื้นที่อำเภอปราณบุรีเท่านั้นที่นำอาวุธปืนไรเฟิล .375 มาส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ยางชุม เท่านั้น

 

แนะยึดหลัก “พระราชดำรัส ในหลวง ร.9” แก้ปัญหาคนกับช้าง

 

               ขณะเดียวกันที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติกุยบุรี นายชาตรี จันทร์วีระชัย นายอำเภอกุยบุรี นายไชยชนะ สุทธิวรชัย นายอำเภอสามร้อยยอด และนายกาญจนพันธ์ คำแหง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้จัดประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ (PAC) มีนายชาตรี นายไชยชยะ พร้อมคณะกรรมการจากทั้งในส่วนของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจ ทหาร ชาวบ้านในพื้นที่ และกลุ่มอนุรักษ์ ฯลฯ

 

แนะยึดหลัก “พระราชดำรัส ในหลวง ร.9” แก้ปัญหาคนกับช้าง

 

               โดยการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่ ได้พูดถึงกรณีช้างป่ากุยบุรี โดนยิงด้วยอาวุธปืนไรเฟิลและล้มลงในเวลาต่อมา ปัจจุบันพบว่าช้างป่าในอุทยานแห่งชาติ ได้ออกมาทำลายพืชผลทางการเกษตรจนได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง บริเวณบ้านย่านซื่อ จึงอยากให้ทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และหน่วยงานภาครัฐเร่งหามาตรการแก้ปัญหาช้างป่า เนื่องจากปริมาณช้างป่าที่เพิ่มขึ้น จากเดิมซึ่งไม่ค่อยลงมาสร้างความเสียหาย แต่ระยะหลังช้างป่าลงมากัดกินพืชไร่ ล้มต้นยางพาราแทบทุกคืน

 

แนะยึดหลัก “พระราชดำรัส ในหลวง ร.9” แก้ปัญหาคนกับช้าง

 

               นายกาญจนพันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ร่วมกับทหาร ออกลาดตระเวนและช่วยกันไล่ช้างป่าที่ลงมากัดกินพืชไร่ของชาวบ้าน ในปัจจุบันยอมรับประชากรของช้างป่าเพิ่มขึ้นในภาพรวม แหล่งอาศัยน้อยลง ต้องมองหลายมิติ หลายหน่วยงานต้องร่วมบูรณาการแก้ปัญหา พยายามนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และการจัดสร้างแหล่งอาหาร แหล่งน้ำเพิ่มเติมในป่า จัดสร้างแปลงหญ้า ซึ่งนักวิชาการบอกว่าเราต้องมีประมาณ 3,000 ไร่ แต่ปัจจุบันเรามีเพียง 1,500 ไร่ เท่านั้น ซึ่งได้เสนอกรมอุทยานแห่งชาติฯ ของบประมาณดำเนินการเพิ่มเติม การแก้ไขปัญหาช้างป่าต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นตนเองก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้ สิ่งที่คณะกรรมการฯ ได้เสนอ ก็พร้อมที่จะนำไปสู่การแก้ไขต่อไป การดำเนินการได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการแก้ปัญหาคนกับช้างป่าที่นี่

 

แนะยึดหลัก “พระราชดำรัส ในหลวง ร.9” แก้ปัญหาคนกับช้าง

 

               โดยในส่วนของคณะกรรมการ มีเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งการสร้างแนวรั้วกันช้างป่าแบบที่ป่าเด็ง - ป่าละอู ตลอดแนวเขตกว่า 20 กิโลเมตร ของหมู่บ้านย่านซื่อ บางส่วนแสดงความไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะทำให้ช้างเปลี่ยนพฤติกรรม เหมือนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ บางส่วนเห็นด้วย และมีการเสนอแนวทางให้ใช้วิธีการขุดคู รวมไปถึงการสร้างแหล่งอาหาร แหล่งน้ำ เข้าไปในป่า

               สิ่งสำคัญทั้งหมดคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ขอให้ยึดหลักแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ให้ไว้ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า

 

แนะยึดหลัก “พระราชดำรัส ในหลวง ร.9” แก้ปัญหาคนกับช้าง

 

               ขณะเดียวกัน นายชาตรีได้แจ้งในที่ประชุมว่า เบื้องต้นขณะนี้ทราบแล้วว่าผู้ที่ลงมือนั้นเป็น “คนย่านซื่อ” ดังนั้น จึงฝากทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ให้ช่วยกันหาเบาะแสกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุยิงช้างป่าพลายงางาม กุยบุรี สิ่งที่เกิดขึ้นยอมรับว่าได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับอำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และประเทศไทย เสียชื่อไปทั่วโลก

               สำหรับอาวุธปืนไรเฟิล 20 กระบอก ที่พบว่ามีทะเบียนอยู่ในอำเภอกุยบุรี และ 1 กระบอก ที่เป็นปืนไรเฟิล .375 จากการตรวจสอบพบว่าปืนกระบอกดังกล่าวเจ้าของเดิมขายไป 20 ปีแล้ว ให้คนบ้านบ่อนอก ต.บ่อนอก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว หากยังไม่มาก็จะยกเลิกทะเบียนปืนกระบอกด้งกล่าว ซึ่งก็จะกลายเป็นปืนเถื่อนทันที

 

แนะยึดหลัก “พระราชดำรัส ในหลวง ร.9” แก้ปัญหาคนกับช้าง

 

               นายยุทธนา อรรณพเพชร ผู้ใหญ่หมู่ 9 บ้านย่านซื่อ กล่าวว่า ในหมู่บ้านย่านซื่อมีประชากรกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตร ทั้งปลูกสับปะรด ขนุน ยางพารา ปาล์ม ฯลฯ ตอนนี้ช้างป่าเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ช้างป่าลงมาหากินในพื้นที่เกษตรบริเวณขอบชายป่าติดแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว ซึ่งหน่วยงานภาครัฐต้องเข้ามาช่วยกันหาวิธีการแก้ปัญหาที่ป้องกันได้จริง แต่ละคืนพบว่าช้างลงมาตั้งแต่ 1 - 5 ตัว บางจุดทางด้านทิศเหนือติดหมู่บ้านรวมไทยลงมาถึง 30 ตัว ซึ่งการแก้ปัญหาขอให้ยึดหลักแนวพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้สร้างแหล่งอาหาร แหล่งน้ำกระจายอยู่ในป่า ให้คนช่วยกันดูแลสัตว์ป่า ช้างป่า เพื่อให้ทั้งคนทั้งช้างอยู่ร่วมกันได้

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ