“ชัยยะสยบไพรี 61/2”บุกค้นบ้านพี่เขย“เอกอ้วน”

 

          ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 17 มกราคม 2561  พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ประจำ บช.ปส. ร่วมกันแถลงเปิดปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/2 ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดของ น.ส.ทิพย์อาภา รักษาแสง หนึ่งในเครือข่ายยาเสพติด ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ที่ จ.อุดรธานี และเครือข่ายยาเสพติดของนายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ หรือ “เอกอ้วน” ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ โดยเข้าตรวจค้นทั่วประเทศทั้งหมด 55 จุด

 

 

          พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการสืบสวนขยายผลจากเครือข่ายยาเสพติดของ น.ส.ทิพย์อาภา และนายจิรัฏฐ์ ซึ่ง น.ส.ทิพย์อาภา เป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายของ นายไซซะนะ แก้วพิมพา ราชายาเสพติดชาวลาว และมีการศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าตัวเอง มีสามีเป็นตำรวจทางหลวง ยศ พ.ต.ท.นายหนึ่ง  โดยหลังจากที่ตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.ทิพย์อาภา ที่ จ.อุดรธานี พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วิช ดัดแปลงภายในห้องโดยสารบริเวณใต้พรม เพื่อซุกซ่อนยาเสพติด หรือเงินสดที่ได้จากการค้ายาเสพติด จากการสืบสวนพบมีพฤติกรรมรับจ้างขนยาเสพติดจากประเทศลาว ผ่านทางจังหวัดหนองคาย ไปส่งที่จังหวัดสงขลาก่อนไปประเทศที่สาม และเคยตรวจยึดกัญชาได้กว่า 500 กิโลกรัม ที่จังหวัดสงขลา  โดยมีสามีที่ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นผู้ให้คำแนะนำในการใช้ยานพาหนะและเส้นทางหลบเลี่ยงจากการตั้งด่านตรวจของตำรวจ จากการสืบสวนเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันแน่นอน ทั้งในส่วนของการลำเลียงและการดูแลทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนยานพาหนะเพื่อใช้ขนยาเสพติดหรือเรียกว่ารถเซฟ โดยใช้วิธีฝังยาเสพติดไว้ใต้พื้นรถ การใช้ป้ายทะเบียนหลายหมายเลขทะเบียน ซึ่งเป็นการสวมหมายเลขทะเบียนอย่างผิดกฎหมาย

 

           พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยต่อไปว่า ส่วนเครือข่ายของนายจิรัฏฐ์ หรือเอกอ้วน ที่ถูกจับกุมเมื่อปีที่แล้ว มีส่วนสำคัญที่ทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในกทม.และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเครือข่ายยาเสพติดของขบวนการนี้ได้มีการฝากทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดโดยให้ผู้อื่นครอบครองแทน ทราบชื่อ นายทวีศักดิ์ ภู่รุ่งเรืองผล มีศักดิ์เป็นพี่เขยของนายจิรัฏฐ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ข้อหาสนับสนุนในคดีค้ายาเสพติดและสมคบกันฟอกเงิน และชอบสะสมปืนที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะนี้ ตนได้สั่งการให้เร่งติตามจับกุมมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

 

 

         ต่อมา ในเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.สมหมาย พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรีและตำรวจสอบสวนกลาง ได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดของนายจิรัฏฐ์ หรือเอกอ้วน รวม 18 เป้าหมาย โดยมีจุดที่สำคัญ คือ บ้านพักของนายทวีศักดิ์ ภู่รุ่งเรืองผล พี่เขยของนายจิรัฏฐ์ ตั้งอยู่เลขที่246 ถนนตีทอง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายของเอกอ้วน ทำหน้าที่รับดูแลทรัพย์สิน ฟอกเงินและโอนเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด  เมื่อถึงบ้านหลังดังกล่าว ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ ความสูง 3 ชั้น พบนายกฤษฎา ภู่รุ่งเรืองผล อายุ 38 ปี น้องชายของนายทวีศักดิ์ เจ้าหน้าที่จึงให้นำพาตรวจค้นพบตู้เซฟขนาดใหญ่สีน้ำตาลกับสีดำ จำนวน 2 ตู้ ที่มีไว้สำหรับเก็บทรัพย์สินของนายทวีศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการเปิดพบอาวุธปืนพกสั้นหลายขนาด จำนวน 21 กระบอกอยู่ในตู้เซฟสีดำ คาดว่าเป็นของนายทวีศักดิ์ จากการสอบถามนายกฤษฎาให้การว่าปืนทั้งหมดมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่ตรวจต้องยึดไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปตรวจสอบอย่างละเอียด

 

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจค้นในวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักและคอนโดมิเนียมของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้หลายรายการ อาทิ รถยนต์ เงินสด บ้าน โฉนดที่ดิน และอาวุธปืน รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยในวันที่ 18 ม.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ บช.ปส.จะมีการแถลงผลการปฏิบัติครั้งนี้ต่อไป