ข่าว

ตร.ไม่พบพิรุธ "ณิชา" พันโรแมนซ์สแกม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตร.นำ "ปวีณา" สอบอีกรอบ พบผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 1 เป็นหญิงไทย จ่อเรียก "ณิชา" สอบอีก เผยยังไม่พบข้อพิรุธโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์

          จากกรณี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ร้องเรียนว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประจำตัวประชาชนของตนเองที่สูญหาย ไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อให้เหยื่อที่ถูกหลอกลวงโอนเงินเข้าบัญชี ส่งผลให้ถูกดำเนินคดีฉ้อโกง ก่อนได้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดี ต่อมาพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งตรวจสอบ จนจับกุม น.ส.ปวีณา สิงหวิบูลย์ ผู้ที่นำบัตรของน.ส.ณิชา ไปเปิดบัญชี โดยซัดทอดนายไซมอน หนุ่มต่างชาติ เป็นผู้ว่าจ้าง ขณะที่ น.ส.ณิชา เข้าขอบคุณตำรวจที่สน.ห้วยขวาง และให้การเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าเงิน 6 ล้านบาทในบัญชีเป็นเงินของครอบครัวที่ได้มาจากการทำธุรกิจตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว น.ส.ปวีณา สิงหวิบูลย์ มาสอบปากคำโดยละเอียดอีกครั้ง โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพแต่อย่างใด ทั้งนี้ น.ส.ปวีณาเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้าและยังคงสอบปากคำอยู่ในห้องสอบสวนต่อไป

          วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบก.ทท.2 ผู้ดูแลศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือศูนย์ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กล่าวว่า ล่าสุดจากการตรวจสอบข้อมูลคำให้การของน.ส.ณิชา ซึ่งเข้าให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สน.ห้วยขวาง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา น.ส.ณิชา สามารถตอบคำถามในหลายประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยได้หลายประเด็นแต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า น.ส.ณิชา มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นในคดีดังกล่าวหรือไม่ ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า น.ส.ณิชา มีการแจ้งความบัตรประชาชนหายถึง 3 ครั้ง จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขบวนการดังกล่าวหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ที่เด็กวัยรุ่นจะทำบัตรประชาชนหายบ่อยครั้ง อาจจะมีหลายสาเหตุ เช่น บัตรประชาชนหายจริงๆ หรืออาจจะไม่พอใจรูปภาพใบหน้าในบัตรประชาชน

          สำหรับเงินในบัญชีของน.ส.ณิชา จำนวน 6 ล้านบาท พ.ต.อ.พนัญชัย ระบุว่า ตำรวจยังไม่ได้ข้อมูลในส่วนนี้ ได้ยินมาจากสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ถ้าหากตรวจสอบแล้วพบเงินจำนวนดังกล่าวจริง ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัย ส่วนเงินใน 9 บัญชีซึ่งเป็นชื่อของน.ส.ณิชา ที่ถูกนำไปเปิดบัญชี ก็พบว่ามีเงินไม่ถึง 6 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้จะตรวจสอบข้อมูลทางการเงินที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ส่งมาให้

          ทั้งนี้ตำรวจยังไม่พบข้อมูลความเชื่อมโยงของน.ส.ณิชา กับ น.ส.ปวีณา สิงหวิบูลย์ ผู้นำบัตรประชาชนของน.ส.ณิชา ไปเปิดบัญชี และนายไซมอน ส่วนกระแสข่าวที่มีการระบุว่า น.ส.ณิชา ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับน.ส.ปวีณา ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลการพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ แต่มีการตรวจสอบข้อมูลการติดต่อในรูปแบบอื่นๆ ของทั้ง 3 คน หากพบความเชื่อมโยงจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที สำหรับในกรณีของนายไซมอนนั้น ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับแก๊งโรแมนซ์สแกม ขณะเดียวกันทางตำรวจยังพบความเชื่อมของนายไซมอน และเครือข่ายโรแมนซ์สแกม ซึ่งเป็นคนผิวสีที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

          ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหากลุ่มผู้ต้องหาที่นำบัตรประชาชนของน.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ได้ครบทั้งหมดแล้วรวม 3 คน ประกอบด้วย ตัวการสั่งการให้หาบัตรประชาชน และคนรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจำนวน 2 คน รวมทั้งหมด 9 บัญชี ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบเป็นขบวนการแก๊งโรแมนซ์สแกม สวมบัตรเปิดบัญชี ไม่ใช่ลักษณะการโทรศัพท์หลอกลวงเหมือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นที่มีการจับกุมที่ผ่านมา

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ยังไม่มีการชี้แจงคดีชัดเจน เนื่องจากขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างเร่งสอบสวนเส้นทางการเงิน โดยคาดว่าวันที่ 17 มกราคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จะสั่งการให้มีการแถลงข่าวภาพรวมของคดีทั้งหมด และยืนยันว่าตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งการตั้งข้อสังเกตการทำบัตรประชาชนใหม่บ่อยครั้งของครอบครัว น.ส.ณิชา รวมถึงเส้นทางการเงินต่างๆ ถ้าหากตรวจพบความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับคดีเพิ่มเติมก็จะดำเนินการไม่ละเว้น แต่หากพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องก็ต้องให้ความเป็นธรรมผู้ถูกกล่าวหาด้วย

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปัจจุบันถือว่ามีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เนื่องจากทุกภาคส่วนมีการกวดขันเข้มงวด แต่สถานการณ์จะดีมากกว่านี้หากคนไทยไม่เข้าร่วมเปิดบัญชีธนาคารและขายต่อให้กลุ่มผู้ต้องหาไปใช้กระทำความผิด

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานจากการสอบสวน น.ส.ณิชา ระบุว่า น.ส.ณิชา ได้ทำบัตรประจำตัวประชาชนหล่นหายครั้งที่ 2 ในเดือน กันยายน 2560 ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งและทางร้านได้นำบัตรประชาชนไปวางไว้บริเวณหน้าที่ชำระเงิน จากนั้นหลังน.ส.ณิชา ทราบว่าทำบัตรประชาชนหล่นหายจึงรีบกลับไปดูแต่ไม่พบบัตรประชาชน ทางพนักงานบอกมีคนเอาไปแล้ว ซึ่งจากการสอบปากคำพนักงานร้านสะดวกซื้อทราบว่ามีหญิงรายหนึ่งระบุตัวว่าเป็นผู้ทำบัตรตกหล่นไว้ มาขอคืนบัตรที่พนักงานร้านสะดวกซื้อ พนักงานก็คืนให้โดยไม่ได้ตรวจสอบตำหนิรูปพรรณสันฐานว่าตรงกับบัตรประชาชนหรือไม่ เจ้าหน้าที่พบว่าคนที่มาเอาบัตรประชาชนของน.ส.ณิชาไปคือ น.ส.ปวีณา นั่นเอง โดยเอาไปขายให้นายไซมอนในราคา 5,000 บาท และถูกจ้างให้ไปเปิดบัญชีธนาคารต่างๆ โดยได้รับเงินค่าเปิดบัญชีละ บัญชี 2,000 บาท ท้ายสุดยังนำบัตรประชาชนของน.ส.ณิชา ไปเปิดเบอร์โทรศัพท์มือถืออีก 2 แห่ง

          รายงานข่าวระบุอีกว่า วันนี้ (16 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ได้ให้ น.ส.ณิชา เดินทางไปขอเอกสารหลักฐานทางการเงินหรือสเตทเมนท์ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางบอน ซึ่งเป็นบัญชีที่มีเงินหมุนเวียน 6 ล้านบาท โดยเปิดบัญชีในปี 2555 เพื่อนำสเตทเมนท์มาชี้แจงต่อตำรวจ ทั้งนี้ตอนแรกพนักงานของธนาคารดังกล่าวไม่สามารถให้สเตทเมนท์แก่ น.ส.ณิชา ทำให้น.ส.ณิชาต้องโทรศัพท์ไปให้ตำรวจชี้แจงกับทางธนาคารถึงจะได้รับสเตทเมนท์มา

          รายงานข่าวพบว่าจากการสอบปากคำและตรวจสอบหลักฐาน ทำให้ตอนนี้เจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่า น.ส.ณิชา อาจเป็นผู้บริสุทธิ์จริง เพราะยังไม่พบข้อพิรุธหรือข้อสงสัยใดที่จะเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการดังกล่าวเลย อย่างไรก็ตามก็ต้องรอตรวจสอบข้อสงสัยอีกส่วนถึงจะยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้ายจริง และในวันที่ 17 มกราคม จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

          รายงานการสืบสวนพบว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูลหลักฐานจากการให้ปากคำทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นของน.ส.ณิชา น.ส.ปวีณา และน.ส.พรหมพร พงษ์เจริญคุณากร ผู้ต้องสงสัยรายใหม่ ซึ่งภาพวงจรปิดจับภาพว่ายืนอยู่กับนายไซมอนที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งแถวห้วยขวาง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวมาสอบปากคำเพื่อหาความเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวต่อไป

          นอกจากน.ส.ณิชาที่ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงแล้ว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองตาก ได้ออกหมายเรียกนายขวัญ ทองน้อย ชาว จ.ลพบุรี ซึ่งนางการต์สินี ยะเมา ผู้เสียหายชาว อ.สามเงา จ.ตาก ได้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 400,000 บาท และนายธีรภัทร์ นนท์งามวงษ์ ภูมิลำเนาอยู่ จ.หนองคาย ที่ผู้เสียหาย โอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลงามวงศ์วาน 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 630,000 บาท ซึ่งบัญชีทั้ง 2 รายชื่อเป็นเหตุเดียวกันกับน.ส.ณิชา ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ไปแล้วแต่ยังไม่มาพบ ซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงหรือไม่ ต้องรอทั้ง 2 คนมาพบพนักงานสอบสวนเสียก่อนจึงจะทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ขณะที่ทีมสืบสวนสอบสวน 3 ชุด ยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่ กทม. ทำงานร่วมกับชุดคลี่คลายท้องที่เกิดเหตุต่างๆ โดยยังอยู่ในระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ประกอบด้วย น.ส.ปวีณา สิงหวิบูลย์ น.ส.เจรติ หรือแอน สายสิญจน์ และนายอายัค ไซมอน อิโก้ ชาวแคเมอรูน ที่ถูกควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี

          ทั้งนี้ในวันที่ 18 มกราคมนี้ น.ส.ณิชาต้องไปรายงานตัวต่อศาลจังหวัดตาก ครั้งที่ 2 

          อ่านต่อ... สตช.แถลงยัน ‘ณิชา’ บริสุทธิ์  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ