รวบแล้ว 1 มิจฉาชีพอ้างวิน จยย.กรรโชกค่าโดยสาร

 

               กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะตนเองและเพื่อนได้ใช้บริการโดยสารวินมอเตอร์ไซค์บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 โดยระบุว่า

 

 

               " เตือนภัย ! ไอ้นี่มันบอกว่ามันเป็นวิน อยู่หน้าหมอชิต 2 แล้วตอนนั้นรถก็ติด แท็กซี่ก็ไม่มี มันก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่งด้านนอกรถมันติด ความที่เราไม่เคยมา ก็เลยขึ้น มันขับออกจากหมอชิตไม่ถึงกิโล มันบอกว่า 450 โหหหหหห เกินไปป่ะ มันบอกว่าเทศกาล พอเราบอกจะจ่ายร้อยเดียว ก็โวยวาย พอจะโทรหาตำรวจ ก็จะมาทำร้ายเรา เห้อออออ ! หากินแบบนี้เหรอ #ขอบคุณลุงแท็กซี่ด้วย แกก็แก่แล้วนะ ไอ้...นั่นก็จะต่อยลุงอีก ฝากเตือนทุกคนด้วย ช่วงเทศกาลมิจฉาชีพเยอะจริงๆ แชร์กันเยอะๆ "

 

 

               3 ม.ค. 61  ช่วงเช้า ที่ สน.บางซื่อ  พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน ผกก.สน.บางซื่อ ได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ ตรวจสอบข้อจริง และตรวจสอบรถ จยย.คันดังกล่าวในคลิป เป็นรถฮอนด้า เวฟ สีขาว หมายเลขทะเบียน 6 กคม 8788 กทม. ว่าใครครอบครอง และติดต่อผู้เสียหายทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำ เพื่อเอาผิดผู้ต้องหา ในข้อหาเรียกเก็บค่าโดยสาร หรือค่าบริการอื่นเกินกว่าอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง จนกระทั่งเวลา 12.50 น. ผู้เสียหายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน และให้การตรงตามที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ต่อมาตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ รู้ตัวคนขับขี่แล้วพร้อมได้อายัดรถคันดังกล่าวท้องที่ สน.นางเลิ้ง ซึ่งเป็นที่พักของคนร้าย นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก เดินทางมาประสานงานพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อขอข้อมูล เพราะเป็นความผิดเกี่ยวกับการเรียกค่าบริการตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก

 

 

               จากนั้นเวลา 19.00 น. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ พ.ต.ท.พิชิต กอปรกิจงาม รอง ผกก.สส.สน.บางซื่อ พ.ต.ท.สมาน ครองสิน รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางซื่อ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายธรรมรัตน์ อ่ำร้อยวงษ์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 7/2561 ลงวันที่ 3 มกราคม 2561 ในข้อหา ร่วมกันกรรโชกพร้อมของกลางรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า สีขาวดำ ทะเบียน 6 กค 8788 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 273/190 ถ.พะเนียง แขวงโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ

               พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 3 ราย พบว่ามีผู้ก่อเหตุ 2 คน โดยตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 คน คือ นายธรรมรัตน์ ส่วนนายอ้อม (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 8/2561 ลงวันที่ 3 มกราคม 2561 ในความผิดร่วมกันกรรโชก ยังอยู่ระหว่างหลบหนี

 

 

               คดีแรกมีผู้เสียหาย 2 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2561 เวลาประมาณ 01.55 - 02.00 น. ต่อเนื่องกัน ได้เดินทางมาจากภาคเหนือ ลงรถที่สถานีขนส่งจตุจักร (หมอชิต) ถ.กำแพงเพชร 2 แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ ได้เรียกรถ จยย.ให้ไปส่งที่ป้ายรถเมล์ หน้าวัดเสมียนนารี ถ.วิภาวดี ต่อมามีผู้ขับขี่รถ จยย.อ้างตัวเป็นวิน จยย.รับจ้าง ขับขี่รถ จยย. ฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน 6 กค 8788 กรุงเทพฯ ได้เรียกนายอ้อมซึ่งขับขี่รถ จยย. ฟีโน่ (ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน) มารับผู้เสียหายทั้ง 2 คน ไปส่งที่ถนนวิภาวดีรังสิตเพื่อต่อรถ เมื่อได้รับผู้โดยสารแล้วได้พาผู้เสียหายไปส่งกันคนละจุด ซึ่งเป็นที่เปลี่ยว ช่วงเวลากลางคืน ไม่มีรถผ่านไปมา ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงยอมให้เงินไปคนละ 480 บาท ซึ่งเป็นค่าโดยสารเกินราคาที่แพงกว่าความเป็นจริง และมีพฤติการณ์ข่มขู่จะทำร้ายร่างกายหากไม่จ่ายค่าโดยสารตามที่เรียกเก็บ

 

 

               คดีที่ 2 เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.55 - 07.00 น. วันที่ 2 มกราคม 2561 ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิง ได้เดินทางมาจาก จ.อุบลราชธานี มาลงที่สถานีขนส่งจตุจักร (หมอชิต) โดยนายธรรมรัตน์ได้ขี่รถ จยย.มาหา และบอกว่าจะไปส่งที่ด้านนอกสถานีขนส่งบริเวณป้ายรถประจำทาง ถนนวิภาวดี โดยได้เรียกเก็บค่าโดยสาร 450 บาท ผู้เสียหายบอกว่าแพงไปจึงให้เงินไปจำนวน 100 บาท แต่นายธรรมรัตน์กลับไม่พอใจ ได้พูดจาข่มขู่ มีพฤติการณ์จะทำร้ายร่างกายรถแท็กซี่ที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาช่วยเหลือ

               พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบรถที่ใช้กระทำผิดเป็นรถ จยย.ของผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำในข้อหาค้ายาเสพติด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัตินายธรรมรัตน์พบว่าเคยถูกจับดำเนินคดีมาแล้ว 5 ครั้ง ในพื้นที่ สน.นางเลิ้ง ประกอบด้วยปี 2552 ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ ปี 2553 ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ปี 2554 ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ 2 ครั้ง ปี 2555 ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ

 

 

               จากการสอบสวนนายธรรมรัตน์รับสารภาพว่า มักจะก่อเหตุในช่วงเทศกาล ทั้งสงกรานต์และปีใหม่ ก่อเหตุมามากกว่า 10 ครั้ง ทั้งนี้ ได้ก่อเหตุช่วงวันที่ 1 - 2 ม.ค. 61 ได้เงินคืนละ 2,000 บาท หลังจากได้เงินก็จะนำไปดื่มสุรา

               ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่แจ้ง 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1. กรรโชกทรัพย์โดยข่มขู่จะทำร้าย ต้องระวางโทษไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. ความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 23/1 ใช้รถ จยย.ส่วนบุคคลมารับจ้างรับผู้โดยสาร ปรับตาม ม.62/1 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท 3. มาตรา 64 ขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4. ม.6 (3) ใช้รถที่ยังไม่ได้เสียภาษีประจำปี มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และ 5. มาตรา 66 ขับรถโดยไม่แสดงสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือรถ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท