ข่าว

“หนุ่มบีเอ็ม”เลือดร้อนมอบตัวบอกอารมณ์ชั่ววูบ-ขอโทษคู่กรณี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“หนุ่มบีเอ็ม”เลือดร้อนชักดาบซามูไรขู่คู่กรณีในลานจอดรถห้างดังมอบตัวแล้ว เจ้าตัวขอโทษบอกอารมณ์ชั่ววูบ อีกฝ่ายสอนต่อไปทำอะไรให้นึกถึงหน้าลูก


         เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 30 ธันวาคม 2560  นายมะนู หรือ “แซะ” ขะหลีดี อายุ 25 ปี ชาว จ.ปัตตานี พร้อมญาติๆ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ธวัชชัย ศรีสุรางค์ ผกก.สน.บุคคโล พ.ต.ท.ปิโยรส กัณหะสิริ รอง ผกก.สส.สน.บุคคโล และ พ.ต.ท.มหพล มีเสน สว.สส.สน.บุคคโล เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ และพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หลังเจ้าตัวก่อเหตุใช้อาวุธมีดดาบยาวแบบซามูไรข่มขู่คู่กรณีในลานจอดรถห้างสรรพสินค้า ย่านท่าพระ  เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนมีผู้นำคลิปเหตุการณ์ไปโพสต์บนเฟซบุ๊กทำให้เกิดประเด็นร้อนในโลกโซเชียลมีเดีย

 

“หนุ่มบีเอ็ม”เลือดร้อนมอบตัวบอกอารมณ์ชั่ววูบ-ขอโทษคู่กรณี

 

         นายมะนู ยอมรับว่า พื้นเพเดิมเป็นคน จ.ปัตตานี แต่ปัจจุบันย้ายมามีครอบครัวที่กรุงเทพมหานคร โดยอาศัยอยู่ย่านบางยี่เรือ และประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดกลางคืน ก่อนเกิดเหตุตนพาลูกและภรรยา ไปเที่ยวที่ห้างดังกล่าว ซึ่งขณะกำลังขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 318 ไอ สีขาว ทะเบียน กจ-8874- ปทุมธานี ซึ่งเป็นรถของพี่ชาย กลับออกจากลานจอดรถจะมุ่งหน้าเข้าบ้าน จู่ๆ รถก็เกิดเฉี่ยวชนกับรถของคู่กรณีช่วงก่อนที่รถจะเคลื่อนพ้นตัวห้างอยู่แล้ว ทำให้ตนรู้สึกโมโหจนฟิวส์ขาด เดินไปหยิบมีดดาบที่เพิ่งซื้อมาติดรถลงไปข่มขู่ โดยขอยืนยันเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบของตนเอง และขอยอมรับสารภาพผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมขอโทษคู่กรณีรวมถึงคนในสังคมที่เห็นคลิปการกระทำของตนในที่นี้ด้วย

 

“หนุ่มบีเอ็ม”เลือดร้อนมอบตัวบอกอารมณ์ชั่ววูบ-ขอโทษคู่กรณี

 

         ต่อมา นายปริกร อรุณเดชาวุฒิ อายุ 55 ปี คนขับรถคู่กรณียี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีดำ ทะเบียน ญก-7578-กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถคู่กรณี ได้พา นางภิญญดา อรุณเดชาวุฒิ อายุ 49 ปี และ นายธนกฤต อรุณเดชาวุฒิ อายุ 21 ปี บุตรชายคนเล็ก มาที่ สน.บุคคโล โดยทั้ง 3 คน พ่อ-แม่และลูก ยอมรับการไหว้ขอโทษจาก นายมะนู ผู้ต้องหา พร้อม ให้ นางอภิญญดา ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ตั้งแต่ต้น และถูกคมมีดจนได้รับบาดเจ็บเป็นตัวแทนกล่าวกับสื่อมวลชน

 

“หนุ่มบีเอ็ม”เลือดร้อนมอบตัวบอกอารมณ์ชั่ววูบ-ขอโทษคู่กรณี

 

         นางอภิญญดา กล่าวว่า ตนกับสามีทำงานขายประกันภัย เดินทางไปกินข้าว และทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าย่านท่าพระบ่อยมาก วันเกิดเหตุเพิ่งทานข้าวกันเสร็จ โดยมี นายปริกร สามีเป็นคนขับ ส่วนตนและ นายอรุชา อรุณเดชาวุฒิ อายุ 24 ปี บุตรชายคนโต นั่งมาด้วยในรถ ระหว่างที่รถตนเคลื่อนตัวไปถึงทางแยกกำลังจะเข้าด่านคืนบัตรจอดรถนั้น รถของ นายมะนู ได้พุ่งเข้ามาชนที่ล้อ เมื่อสามีตนลงไปดูสภาพรถเห็นว่าไม่ได้รับความเสียหายอะไร จึงถาม นายมะนู ไปอย่างสุภาพว่า “ผมมาครึ่งคันแล้วคุณพุ่งมาทำไม?”

         นางอภิญญดา กล่าวอีกว่า สามีตนพูดแค่นั้นนายมะนู ก็รีบปรี่ไปที่ท้ายรถ ซึ่งตอนนั้นตนรู้อยู่แล้วว่า ต้องไปหยิบอาวุธแน่นอน ทันใดนั้น นายอรุชา ลูกชายคนโต ก็รีบลงจากรถไปเพราะเป็นห่วงพ่อ ส่วนตนก็พุ่งลงตามไปเพราะกลัวลูกและสามีจะได้รับอันตราย กระทั่งครอบครัวตนสามารถหนีขึ้นรถได้ แต่ นายมะนู ก็ยังแทงมีดดาบเข้ามาในรถ ถูกที่นิ้วกลางข้างขวาตนจนเนื้อหลุดได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งปลายมีดยังแทงไปถูกเบาะรถด้านในได้รับความเสียหายด้วย จากนั้นพวกตนจึงรีบเร่งเครื่องหลบหนีมุ่งหน้ามาแจ้งความที่ สน.บุคคโล ก่อนที่ตนจะไปรักษาบาดแผลที่ รพ.ธนบุรี โดยแพทย์ไม่ได้เย็บบาดแผลให้เพราะเนื้อที่นิ้วตนถูกเฉือนแหว่งไป หลังจากนี้ทำได้แค่รักษาทำความสะอาดและรอให้แผลหายดีเท่านั้น

         “ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้บริการตนและครอบครัวด้วยความรวดเร็ว อีกทั้งใส่ใจติดตามเรื่องและกดดันให้ นายมะนู คู่กรณียอมเข้ามอบตัวในวันนี้ โดยตนขอสอน นายมะนู ว่า จากนี้จะทำอะไรลงไปให้คิดถึงหน้าลูกให้มาก เพราะตนเห็นลูกก็ยังเล็ก ที่สำคัญลูกก็มาในรถตอนช่วงที่เกิดเหตุด้วยด้วย หวั่นเด็กจะนำพฤติกรรมไปเลียนแบบ นอกจากนั้นหากเรื่องนี้ไปเกิดขึ้นกับคู่กรณีที่มีอาวุธเหมือนกัน เช่น ปืน จะจบอย่างไร สำหรับเรื่องคดีความก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ตนถือว่าฟาดเคราะห์ไปในช่วงเทศกาลปีใหม่ทั้งอดเที่ยวต่างจังหวัด และต้องมามีเรื่องเจ็บตัว เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง” นางอภิญญดา กล่าว

         ขณะที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า สำหรับคดีนี้หาก นายมะนู ยอมรับสารภาพก็จะส่งตัวไปฟ้องที่ศาลแขวงธนบุรี โดยหลังจากนี้จะนัดทั้ง 2 ฝ่าย มาเจรจาเรื่องค่าเสียหายและชดใช้ในส่วนที่ นางอภิญญดา ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง แต่หากทาง นางอภิญญดา ต้องการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเพราะเห็นพฤติการณ์เป็นคดีพยายามฆ่า ก็สามารถกล่าวหาได้ แต่จะรอต้องรอผลการตรวจบาดแผลจากแพทย์ส่งมาที่โรงพัก พร้อมผลพิมพ์ลายนิ้วมือจากกองทะเบียนประวัติ รวมถึงนำหลักฐานกล้องวงจรปิด และเชิญพยานมาสอบปากคำร่วมในสำนวนคดีต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ