ร้อง ผบช.ภ.8 อัยการไม่ฟ้องผู้มีอิทธิพลจ้างวางเพลิง

 

               18 ธ.ค. 60  ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8  นางยุพิน ไชยทองงาม พร้อมทนายความ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผู้บัญชาการตำรวจภาค 8 จากกรณีที่อัยการไม่สั่งฟ้องผู้จ้างวานในข้อหา ร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ผู้อื่นวางเพลิงเผาทรัพย์ และพยายามฆ่า ในความผิดฐาน ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์และร่วมกันพยายามฆ่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2555 ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต

 

 

               โดยหนังสือร้องเรียน ระบุว่า ได้มีคนร้ายร่วมกันบุกรุกเข้าไปก่อเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์สินสำนักงานของ บริษัท ภูเก็ตเฮลธี นูทรีเมนท์ จำกัด (ซึ่งจัดแสดงโชว์งู) ในเวลากลางคืน จนเกิดเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย และคนร้ายยังได้ร่วมกันทำร้าย พยายามฆ่า นายอนุชิต ไทรทองงาม พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทฯ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นพิการ เป็นคดีอาญาอุกฉกรรจ์ร้ายแรง เพราะคนร้ายร่วมกันกระทำความผิดอย่างอุกอาจ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เหตุเกิดกลางใจเมืองภูเก็ต อันเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ซึ่งคดีนี้ ผู้ร่วมกันกระทำความผิดโดยเฉพาะผู้จ้างวานมีอิทธิพลเป็นหลานของนายตำรวจระดับสูง หลังเกิดเหตุการณ์ การทำงานของเจ้าหน้าที่สืบสวนและพนักงานสอบสวนถูกแทรกแซงมาโดยตลอด ทำให้การสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษมีความล่าช้า ไม่คืบหน้า พยานหลักฐานต่างๆ ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ถูกตัดตอนซ่อนเร้น เห็นได้ถึงความไม่ปกติ

               ทางผู้เสียหายในคดีนี้คือ บริษัท ภูเก็ตเฮลธี นูทรีเมนท์ จำกัด ที่ 1 และนายอนุชิต ไทรทองงาม ที่ 2 จึงได้เดินหน้าร้องขอความเป็นธรรมกับหลายหน่วยงาน เพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา และเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนจนทราบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุและทราบถึงตัวผู้บงการว่าจ้างให้กระทำความผิดในคดีนี้โดยมีพยานบุคคลทั้งที่เป็นผู้ร่วมก่อเหตุและร่วมเดินทางไปกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งผู้จ้างวานทั้งสองเป็นบุคคลที่ต้องการทำลายธุรกิจของผู้เสียหายเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนเองที่มีการแข่งขันกัน

 

 

               โดยทางกองปราบปรามได้ส่งรายงานการสืบสวนมายัง สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต แต่พบว่าเอกสารรายงานการสืบสวนดังกล่าวได้มีการเก็บดองไว้ ไม่ยอมส่งให้พนักงานอัยการหรือนำเข้าสำนวนการสอบสวน ทั้งๆ ที่เป็นพยานหลักฐานสำคัญ ทำให้การฟ้องผู้ต้องหาคนแรกเป็นช่องให้ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นได้ถึงอิทธิพลของฝ่ายผู้ต้องหาที่สามารถเข้าไปแทรกแซงการสอบสวนจนเกิดความเสียหาย ทางผู้เสียหายทั้งสอง จึงจำเป็นต้องเดินหน้าร้องหาความเป็นธรรมและทำให้มีการรื้อฟื้นทำการสอบสวนเรียกผู้เสียหายทั้งสองไปร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมกันจ้างวานขึ้นมาใหม่ และทางพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ผู้สืบสวนได้มาพร้อมทั้งสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมและนำไปสู่การดำเนินคดีกับตำรวจหญิงระดับรองผู้กำกับการและสามี ในข้อหา ร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ผู้อื่นวางเพลิงเผาทรัพย์ และพยายามฆ่า หลังจากที่พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นเวลาระยะหนึ่ง ก็ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองและพวก ส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต พิจารณาในวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2560 ต่อมาเช้าวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 อัยการจังหวัดภูเก็ต ก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองกับพวก

               นางยุพิน มารดาของนายอนุชิต กล่าวหา ลูกชายซึ่งเป็น รปภ.ในวันเกิดเหตุ ได้รับความเสียหายจากการถูกกระทำอันละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมือง และรู้สึกผิดหวัง ที่อัยการสั่งไม่ฟ้องผู้กระทำผิด ทั้งๆ ที่พวกตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ จึงเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อขอความเป็นธรรม และให้คดีนี้ได้มีโอกาสเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล เพื่อจะได้สืบค้นหาความจริงจากพยานหลักฐานแล้วพิจารณาพิพากษาไปตามกระบวนการ

               ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายตามกระบวนการของกฎหมาย หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อติดตามพิจารณาคำร้องของผู้ร้องและพยานหลักฐานในการตรวจสอบคดีนี้ตามกระบวนการต่อไป