รวบแล้ว !! 2 ชายไทยรุมยำหนุ่มใหญ่แดนกิมจิ

               17 ธ.ค. 60  ความคืบหน้ากรณีชายไทย 2 คน อาชีพเรียกลูกค้าขึ้นรถสองแถว รุมทำร้าย ชายสัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 53 ปี จนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณสี่แยกไฟสัญญาณจราจร ถนนพัทยาใต้ตัดถนนพัทยาสาย 2 เมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ (17 ธ.ค.) เนื่องจากชายไทยให้ของลับผู้เสียหายจนเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นใช้กำลังชกต่อยกันจนชายสัญชาติเกาหลีใต้ได้รับบาดเจ็บขาหัก และฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง จากนั้นผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน หลบหนีไป

 

 

               ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น.  พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว จนสามารถตามไปจับกุมผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ได้ที่บ้านพัก ทราบชื่อต่อมา นายโกศัลย์ มีไข่ อายุ 25 ปี และนายประสิทธิ์ บุตรดี อายุ 29 ปี โดยมีผู้เสียหายเดินทางมาชี้ตัวยืนยัน และร่วมรับฟังการสอบสวน

 

 

               สอบปากคำทั้งคู่รับสารภาพว่า ได้รุมทำร้ายชายสัญชาติเกาหลีใต้จริง โดยก่อนเกิดเหตุ ชายสัญชาติเกาหลีใต้ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา ได้มาใช้บริการรถสองแถวเพื่อกลับที่พัก เลยบอกให้ชายสัญชาติเกาหลีใต้กับแฟนสาว ขยับเข้าไปนั่งชิดด้านใน เพราะผู้โดยสารคนอื่นๆ จะได้นั่งด้วย แต่ทั้งคู่กลับเฉย ทำให้นายโกศัลย์โมโห จึงตะโกนด่าและให้ของลับ พอชายสัญชาติเกาหลีใต้ได้ยิน เนื่องจากฟังและพูดภาษาไทยได้ จึงเกิดอาการฟิวส์ขาด กระโดดลงจากรถแล้วเหวี่ยงหมัดตรงหวังจะชกนายโกศัลย์ให้หายแค้น แต่หนุ่มไทยไวกว่า หลบฉากได้ทัน เลยไม่โดนหมัดของชายสัญชาติเกาหลีใต้แต่อย่างใด นายโกศัลย์จึงเปิดฉากงัดอาวุธแม่ไม้มวยไทยประเคนใส่ชายสัญชาติเกาหลีใต้อย่างคนเป็นมวย โดยมีนายประสิทธิ์ เพื่อนร่วมงานที่เห็นเหตุการณ์วิ่งเข้ามาช่วยเพื่อนร่วมวงสหบาทายำใหญ่ชายสัญชาติเกาหลีใต้รายนี้จนได้รับบาดเจ็บก่อนหลบหนีไป กระทั่งตำรวจชุดสืบสวนตามไปรวบตัวได้ที่บ้านพักดังกล่าว

 

 

               ชายสัญชาติเกาหลีใต้ ยอมรับว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุมีอาการมึนเมา แต่ขอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นตัวต้นเรื่องจนเกิดเหตุทะเลาะวิวาท อย่างไรก็ตาม ภายหลังสอบสวน พ.ต.อ.อภิชัย พยายามพูดคุยเจรจาจนนายโกศัลย์และนายประสิทธิ์ ยอมยกมือไหว้ขอโทษชายสัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งชายสัญชาติเกาหลีใต้ก็รับไหว้แบบไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะจับไม้จับมือกันต่อหน้าตำรวจ ในส่วนของคดีความ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายทั้งกายและจิตใจ พร้อมกับส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป