‘พล.ท.มนัส’ มอบตัวคดีอาวุธสงครามซุกแปดริ้ว

 

               7 ธ.ค. 60  เมื่อเวลา 10.30 น.  พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2.บก.ป. ได้เดินทางไปพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รอง ผบ.ตร. ที่ ศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลอาญา อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการพบวัตถุระเบิดและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก ในท้องที่ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ภายหลังศาลได้พิเคราะห์เห็นควรออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 5 ราย ประกอบไปด้วย นายชัยวัฒน์ หรือ เปี๊ยก ผลโพธิ์ อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 525/8 ซ.เพิ่มสิน 13 แขวงคลองถนน เขตสายไหม , นายสมเจตน์ หรือ สน คงวัฒนะ อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 99 ซ.วิภาวดี 34 แขวงและเขตจตุจักร , นายจักรรินทร์ หรือ เสธ.ไก่ เรืองศักดิ์วิชิต อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 132 ซ.พหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร , พลโท มนัส หรือ เสธ.หยอย เปาริก อายุ 68 ปี บ้านเลขที่ 18/60 ซ.อารีย์ ถ.พหลโยธิน แขวงพญาไท เขตจตุจักร และนายจักรภพ เพ็ญแข อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 555 แขวงและเขตสายไหม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 2692-2696 / 60 ลงวันที่ 7 ธ.ค. 2560 ในฐานความผิดร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครอง และความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร

 

 

               ต่อมาเวลา 15.30 น.  พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รอง ผบช.ส. , พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 , พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.1 , พ.ต.อ.สุวัฒน์ , พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ ฝ่ายกฎหมาย คสช. ได้เดินทางมาที่กองปราบปราม หลังได้รับการประสานจาก พล.ท.มนัส หรือ เสธ.หยอย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 2695/60 ลงวันที่ 7 ธ.ค. 2560 ในฐานความผิดร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครอง และความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร ว่า จะเข้ามามอบตัวกับทางพนักงานสอบสวนกองปราบฯ

 

 

               โดยทันทีที่ทาง พล.ท.มนัส ได้เดินทางมาถึง ทางคณะพนักงานสอบสวนได้แสดงหมายจับ ซึ่งทาง พล.ท.มนัส ได้ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปสอบปากคำ

               พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจได้ตรวจพบอาวุธสงครามชนิดต่างๆ ที่บริเวณบ่อบัวริมถนน หมู่ 15 ต.ฉิมพล อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ คดีดังกล่าว ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบสวนจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ซึ่งทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ และคณะทำงาน ได้ดำเนินการสืบสวนพร้อมกับโอนสำนวนคดีจาก สภ.ฉิมพลี มาให้กับทางกองปราบปราม เป็นผู้รับผิดชอบ ประกอบกับทางด้าน พ.อ.บุรินทร์ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ 5 ผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม การสืบสวนสอบสวนพบหลักฐานและพยานบุคคล มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์คดีอาวุธสงครามที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 ถึงปี 2560 จำนวนหลายคดี ในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบไปด้วย ห้วยขวาง ลาดพร้าว บางเขน มีนบุรี พื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประกอบไปด้วย ลาดบัวหลวง อ.วังน้อย , พื้นที่ จ.ปทุมธานี อ.คลองหลวง และพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว นอกจากนี้ยังพบว่ามีความเชื่อมโยงเป็นขบวนการ จนนำไปสู่การที่ศาลพิจารณาออกหมายจับบุคคลทั้ง 5 ราย

 

 

               พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขณะนี้พบความเชื่อมโยงเพียงแค่ 5 รายเท่านั้น ซึ่งหากพยานหลักฐานพบบุคคลใดเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการทันที เบื้องต้น ได้สอบปากคำ พล.ท.มนัส ไว้เพื่อประกอบสำนวน โดยทางพนักงานสอบสวนได้ให้ประกันตัวในชั้นสอบสวนในวงเงิน 2 แสนบาท ทั้งนี้ จากการข่าวยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ประมาท มีการวางมาตรการคุมเข้ม ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนไปเที่ยวในช่วงปีใหม่ จับจ่ายใช้สอยได้อย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง

 

 

               พ.อ.บุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของ นายวัฒนา เจ้าหน้าที่พบว่าอยู่ในโครงข่าย แต่ไม่ได้เกี่ยวพันกับอาวุธลอตนี้ที่พบ ซึ่งทางนายวัฒนาได้ประสานขอเข้ามอบตัว และให้การที่เป็นประโยชน์ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาเดียวกัน ก่อนคุมตัวเข้าโครงการคุ้มครองพยาน นอกจากนี้ นายวัฒนาเคยถูกดำเนินคดีและติดคุกในเรือนจำ ก่อนที่จะพ้นโทษออกมา

 

 

               รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับอาวุธสงครามที่พบถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งทั้งหมดพบความเชื่อมโยงกัน โดยกลุ่มแรก ระเบิดขว้างสังหารอาร์จีดี-5 จำนวน 3 ชนิด ประกอบด้วยรุ่น 53-891T , 55-891T , 57-891T ถูกค้นพบในพื้นที่ สน.บางนา , สน.ราษฎร์บูรณะ , สน.คันนายาว , สภ.ลาดบัวหลวง รวมของกลางที่พบทั้งหมด 44 ลูก กลุ่มที่สอง ลูกกระสุน M79 รุ่น LOT1-12 ค้นพบในพื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี , สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา , สน.ราษฎร์บูรณะ , รวมของกลางที่พบทั้งหมด 91 ลูก และกลุ่มที่สาม ลูกกระสุน M79 รุ่น LOT1-12 ค้นพบในพื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี , สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา , สน.ราษฎร์บูรณะ , รวมของกลางที่พบทั้งหมด 91 ลูก อย่างไรก็ตาม อาวุธสงครามในพื้นที่ สภ.ฉิมพลี พบว่ามีความเชื่อมโยงของทั้งสามกลุ่มรวมกัน