ข่าว

จับ 2 ผัวเมียปลอมเพจเฟซบุ๊กตุ๋นโอนเงิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

2 ผัวเมียจอมแสบ ปลอมเพจเฟซบุ๊กตุ๋นเหยื่อโอนเงินค่าประมูลของผ่านไลฟ์ สารภาพก่อเหตุมาแล้วกว่า 60 ครั้ง มูลค่าความเสียหายกว่า 3 แสนบาท

 

               7 ธ.ค. 60  เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ  พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รอง ผบ.ตร ในฐานะ โฆษก ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบก.ปคม. รรท.ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.ธนดล แก้วอุบล รอง ผบก.รฟ ปฏิบัติราชการ บก.ปอท. , พ.ต.ท.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ รอง ผกก.2 บก.ปอท. ร่วมกันจับกุม นายพงศกร โสดกลาง และ น.ส.มยุรฉัตร สุดหนองบัว สองสามี - ภรรยา ร่วมกันต้มตุ๋นออนไลน์ เข้าติดตามดูการประมูลขายสินค้าออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เมื่อพบว่ามีผู้ชนะการประมูล จะสร้างเพจปลอมเลียนแบบเจ้าของร้านตัวจริง สวมรอยส่งข้อความทางอินบ็อกซ์ติดต่อผู้ชนะประมูลให้โอนเงินเข้าบัญชีของตน สารภาพทำมาแล้วกว่า 60 ครั้ง มูลค่าความเสียหายกว่า 3 แสนบาท

 

จับ 2 ผัวเมียปลอมเพจเฟซบุ๊กตุ๋นโอนเงิน

 

               ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พ.ย. นายกิตติเชษฐ์ พิพัฒน์เดชอุดม ผู้เสียหาย ได้เข้าไปประมูลเพชรในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “ขายส่งเพชรแท้ WCG Diamond” ซึ่งได้เข้าประมูลแหวนเพชร ราคา 390,000 บาท ผ่านแฟนเพจร้านขายส่งเพชรนี้ได้ในราคา 120,000 บาท และผู้ไลฟ์สด ซึ่งใช้ชื่อว่า “มาดาม” ได้ปิดประมูล และให้นายกิตติเชษฐ์ แจ้งชื่อไปทางกล่องข้อความทางเฟซบุ๊กของร้าน เพื่อจะให้พนักงานแจ้งเลขบัญชีกลับ ต่อมาได้มีคนร้ายสวมรอยปลอมเฟซบุ๊กที่มีชื่อและรูปคล้ายกับเพจจริงเข้ามาติดต่อผู้เสียหายผ่านกล่องข้อความ โดยใช้เฟซบุ๊กปลอมชื่อ “WCG Diamonb” พร้อมแจ้งเลขบัญชีปลายทางให้ทำการโอนเงิน แต่โอนไม่ได้ จึงแจ้งกลับไปยังกล่องข้อความทางเฟซบุ๊กปลอมที่คนร้ายใช้ติดต่อมา คนร้ายจึงได้ให้เลขบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่ 687-0-07-2914 ชื่อ pongsakorn ทราบชื่อภายหลังคือ นายพงศกร โสดกลาง ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้โอนเงินไปบัญชีดังกล่าว จำนวน 3 ครั้ง 50,000 บาท 2 ครั้ง และ 20,000 บาท อีกหนึ่งครั้ง เป็นเงินรวม 120,000 บาท ต่อมาเพจเฟซบุ๊กจริงได้ติดต่อผู้เสียหายให้ทำการโอนเงิน ผู้เสียหายจึงทราบว่า ถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงิน จึงได้ไปแจ้งความกับ พงส.สภ.เขาหลัก จ.พังงา เหตุเกิดที่ ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา

 

จับ 2 ผัวเมียปลอมเพจเฟซบุ๊กตุ๋นโอนเงิน

 

               พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ ผบก.ปอท. จัดชุดสืบสวนติดตามจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายพงศกร เป็นเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน และตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าว มีหมายจับของศาลจังหวัด ตะกั่วป่า ที่ จ.77/2560 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 2560 หมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 174/2560 ลงวันที่ 17 พ.ย. 2560 และหมายจับของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 492/2559 ลงวันที่ 16 ส.ค. 2559 กระทั่งวันที่ 6 ธ.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่า นายพงศกรได้หลบหนีการจับกุมมาพักอาศัย บ้านเลขที่ 91/2 ถ.ไชยเชษฐ์ ม.17 ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ชุดสืบสวนจึงเข้าตรวจสอบพบนายพงศกรยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านพักดังกล่าว จึงได้เข้าทำการจับกุมตัว สอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน นำตัวส่ง พงส.สภ.เขาหลัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

จับ 2 ผัวเมียปลอมเพจเฟซบุ๊กตุ๋นโอนเงิน

 

               พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ หากมีประชาชนรายใดตกเป็นเหยื่อและได้ทำการโอนเงินเข้าไปในบัญชีธนาคารที่ใช้ชื่อว่า นายพงศกร โสดกลาง และ น.ส.มยุรฉัตร สุดหนองบัว ให้ติดต่อแจ้งข้อมูลได้ที่ บก.ปอท. และขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนมายังพี่น้องประชาชนให้ใช้ความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ เนื่องจากอาชญากรจะเรียนรู้รูปแบบพฤติกรรมการทำธุรกิจและธุรกรรมของคู่ค้า เพื่อพัฒนาช่องทางใหม่ๆ ในการก่ออาชญากรรมขึ้นมาเสมอ ดังนั้น การทำธุรกรรมออนไลน์ใดๆ จึงไม่ควรทำพฤติกรรมซ้ำเดิม หรือใช้รหัสเดิมในการ login บัญชีต่างๆ เป็นระยะเวลานาน นอกจากนั้นก่อนชำระเงินซื้อขายสินค้าใดๆ ต้องตรวจสอบย้อนกลับก่อนทุกครั้งว่า เป็นตัวจริง และสำหรับผู้ที่เปิดร้านขายสินค้าออนไลน์นั้น ควรศึกษาหาช่องทางการชำระเงินผ่านเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้มากมาย เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยแก่ผู้ซื้อยิ่งขึ้น

 

จับ 2 ผัวเมียปลอมเพจเฟซบุ๊กตุ๋นโอนเงิน

 

               นายจิรวัฒน์ ปรีชา ประธานบริษัทดับบลิวซีจี ไดมอน จำกัด เปิดเผยว่า ตนทำธุรกิจดังกล่าวมาประมาณ 13 ปีแล้ว การประมูลเพชรแต่ละครั้ง เมื่อมีผู้ชนะการประมูล ลูกค้าจะต้องติดต่อมาผ่านกล่องข้อความทางเพจเฟซบุ๊กเอง ซึ่งทางร้านจะไม่มีนโยบายทักข้อความเฟซบุ๊กลูกค้าก่อน จากนั้นลูกค้าจะต้องโอนเงินเพื่อวางมัดจำจำนวนหนึ่ง และลูกค้าจะต้องมาตรวจสอบคุณภาพของเพชรและสินค้าเองที่ร้านก่อนจะจ่ายเงินจำนวนที่เหลือ ซึ่งที่ผ่านมา มีเคสการปลอมเฟซบุ๊กของร้านค้าเข้าไปพูดคุยสอบถามกับลูกค้า แต่ยังไม่มีลูกค้าหลงเชื่อ ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเป็นครั้งแรกที่มีผู้เสียหายหลงเชื่อ เนื่องจากคาดว่าคนร้ายได้เฝ้าติดตามการไลฟ์เฟซบุ๊กของทางเพจร้านจึงทราบข้อมูลที่ลูกค้าได้ทำการประมูลเพชรไป ก่อนจะทำการติดต่อไป

 

จับ 2 ผัวเมียปลอมเพจเฟซบุ๊กตุ๋นโอนเงิน

 

               เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดย น.ส.มยุรฉัตร รับสารภาพว่า ตนเรียนจบระดับชั้น ป.6 ประกอบอาชีพเป็นแรงงานก่อสร้าง ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ไม่เพียงพอเลี้ยงชีพ จึงเฝ้าสังเกตดูจากเฟซบุ๊ก และคิดวิธีขึ้นมาหลอกลวงผู้เสียหาย โดยทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ครั้ง ได้เงินประมาณ 300,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้ง 3 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเล็งเห็นว่าจะทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง หรือไปหลอกลวงประชาชนจำนวนหลายรายจะแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน เพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ