ข่าว

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แถลง 4 คดีสำคัญ โชเฟอร์แท็กซี่ขูดรีดค่าโดยสาร แก๊งโรแมนสแกมเมอร์ ต่างด้าวสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยมาประกอบธุรกิจนำเที่ยว ผลกวาดล้าง ‘ยุทธการอินทรีทมิฬ’

 

               30 พ.ย. 60  เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ กก.1 บก.ทท. สนามศุภชลาศัย ถนนพระรามที่ 1  พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.1 พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ 191 ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บช.ปส. และ สตม. ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างคดีสำคัญ 4 คดี

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

               คดีแรก ตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จับกุม นายสุนทร รอดทรัพย์ อายุ 45 ปี และนายวัชฤทธิ์ จันทร์อยู่ อายุ 42 ปี ในฐานความผิด ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยจับกุมนายสุนทรได้ที่สนามบินดอนเมือง และจับกุมนายวัชฤทธิ์ได้ที่วัดหนองเอื้อง จ.เพชรบุรี การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก นายมูฮัมมัด มุดดาฟา ดาร์ฮาร์ ชาวเลบานอน ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ถูกนายสุนทรชักชวนให้โดยสารรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ทะเบียน มฉ 8715 กทม. ซึ่งมีนายวัชฤทธิ์เป็นคนขับ จากสนามบินดอนเมืองเพื่อไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยตกลงราคาที่ 1,000 บาท แต่ระหว่างทางกลับถูกกรรโชกค่าโดยสารเพิ่มอีก 1,400 บาท แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม จึงร่วมกันข่มขู่ให้นำทรัพย์สินมีค่ามาให้ โดยนายสุนทรได้แย่งเอาเงินสด 400 ดอลลาร์สหรัฐ และชุดหูฟังไป ผู้เสียหายกลัวจึงรีบหนีลงจากรถ ก่อนเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจนจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายมีประวัติอาชญากรรมในคดียาเสพติด และเคยก่อเหตุในลักษณะนี้หลายครั้ง โดยนายวัชฤทธิ์ คนขับรถแท็กซี่ยังคงให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่าได้ค่าจ้าง 800 บาท และที่หลบหนีไปเพราะกลัวความผิด

               พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวมีมานานแล้ว แต่ไม่ได้รับการปราบปราม ซึ่งระยะหลังทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวร่วมกับกรมการขนส่งทางบก เริ่มระดมกวาดล้างแท็กซี่ที่กระทำความผิด จึงฝากไปยังประชาชนหากพบแท็กซี่ที่อยู่นอกสนามบิน มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม สามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์โทร. 1155

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

               นอกจากนี้มีตัวแทนจากสถานเอกอัครทูตเลบานอน ประจำประเทศไทย เดินทางมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยได้มอบแจกันดอกไม้ให้กับเจ้าหน้าที่อีกด้วย

               คดีที่สอง ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ 191 จับกุมขบวนการโรแมนสแกม ได้ผู้ต้องหาทั้งหมด 7 ราย 9 หมายจับ โดยเป็นชาวไนจีเรีย 1 ราย ชาวไทย 6 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และร่วมกันทุจริต หรือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยมีพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อผ่านสื่อโซเชียลให้เหยื่อเชื่อว่าเป็นคนมีฐานะและต้องการสมรสด้วย โดยใช้ภาพชาวต่างชาติหน้าดี เป็นภาพโปรไฟล์ ก่อนจะทักข้อความไปหาหญิงสาวชาวไทย พูดคุยหว่านล้อมทำนองชู้สาว เมื่อผู้เสียหายเชื่อใจก็จะโทรศัพท์ไปขอยืมเงิน รวมถึงใช้วิธีการหลอกลวงว่าจะส่งของมาให้ แต่ต้องเสียค่าดำเนินการเป็นเงินประมาณ 2 - 4 หมื่นต่อราย ซึ่งมีเหยื่อหลายรายหลงเชื่อโอนให้ไปให้ และมารู้ตัวทีหลังว่าถูกหลอก และจากการตรวจสอบยังมีชาวไทยร่วมขบวนการทำหน้าที่เป็นคอลเซ็นเตอร์พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สร้างสถานการณ์หลอกผู้เสียหายว่ามีสินค้าหรือพัสดุส่งมาจากต่างประเทศ ซึ่งติดค้างอยู่ที่สนามบิน โดยเหยื่อต้องโอนเงินมายังศุลกากร หรือเจ้าหน้าที่ขนส่ง เพื่อที่จะนำพัสดุออกไปได้ รวมถึงยังทำหน้าที่นายหน้าหาคนเปิดบัญชี , รับจ้างเปิดบัญชี และรับจ้างลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

               พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สามารถจับกุมได้ถึงตัวผู้กระทำผิดที่เป็นชาวผิวสี ซึ่งที่ผ่านมาจะสามารถจับได้แค่ผู้ร่วมขบวนการที่เป็นคนไทยเท่านั้น

               คดีที่สาม ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ 191 และตำรวจห้วยขวาง ได้จับกุมนายภัทรวิชญ์ ค่ะตึ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาเป็นบุคคลต่างด้าวสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยมาประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยจับกุมได้ที่ ซ.นวมินทร์ 86 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายภัทรวิชญ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทไทยตงหม่ง อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวล กรุ๊ป จำกัด มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการสวมบัตรประชาชน จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ได้ขอมีบัตรเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2545 ในชื่อ นายยอฟู ค่ะตึ ที่ว่าการอำเภอพบพระ อีกทั้งพบว่าได้มีการขอเปลี่ยนชื่อสกุลบ่อยครั้งเป็นเวลากว่า 15 ปี ตำรวจจึงได้ทำการขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ เลขที่ 2583/2560 ลงวันที่ 24 ก.ย. 2560 ในฐานความผิด ยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือกระทำการเพื่อให้ตนเองมีรายการในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎร์โดยมิชอบ และแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

               พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นการบูรณาการกำลังในการปราบปรามกลุ่มบริษัทนำเที่ยวผิดกฎหมายหรือกลุ่มบริษัทนำเที่ยวที่ประกอบการในลักษณะนอมินี รวมถึงกลุ่มคนต่างด้าวสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยมาประกอบธุรกิจนำเที่ยวในลักษณะทัวร์ต่ำกว่าทุน หรือ ทัวร์ศูนย์เหรียญ อันทำให้เกิดภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

               และคดีที่ 4 ได้แถลงผลยุทธการอินทรีทมิฬ (BLACK EAGLE) 8 ทลายเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติและการท่องเที่ยว จากการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 17 เป้าหมาย 36 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 14 ราย ประกอบด้วยบุคคลต่างด้าว เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาติ รวม 9 ราย เป็นชาวอูกานดา 8 ราย และไนจีเรีย 1 ราย นอกจากนี้ยังจับกุมบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 5 ราย เป็นชาวอูกานดา 1 ราย เซเนกัล 1 ราย แอฟริกาใต้ 1 ราย และไนจีเรีย 2 ราย

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงระดมกวาดล้าง 4 คดีสำคัญ

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ