ข่าว

หนุ่มพม่าถูกแทงกลางวงเหล้าวิ่งหนีตายฟุบหน้าคอนโดฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หนุ่มเมียนมาฟุบหน้าคอนโดฯ ถูกแทงอาการสาหัส หลังไปดื่มเหล้าที่ห้องเพื่อน วงแตกหนีกระเจิงเหลือคนไทยเมาไม่ได้สติแค่คนเดียว

 

               22 พ.ย. 60  เมื่อเวลา 15.30 น.  ร.ต.อ.รัฐพงษ์ ศรีนอก รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุมีชายถูกแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารคอนโดฯ แห่งหนึ่ง อ.เมืองสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่กู้ชีพมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ

               ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าอาคารคอนโดฯ ดังกล่าว พบร่าง นายอ่องซาน อายุ 40 ปี ชาวเมียนมา นอนฟุบอยู่กับพื้นถนน มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่บริเวณราวนมซ้าย 1 แผล และใต้ชายโครงขวา 1 แผล อาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้เร่งให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าได้เข้าตรวจสอบภายในห้องพักคอนโดฯ พบมีขวดเหล้ากระจัดกระจายอยู่ในห้อง โดยมี นายเอ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) ชาวไทย อายุประมาณ 45 ปี นอนอยู่ในห้องสภาพเมาไม่ได้สติ ข้อมือพบคราบเลือดติดอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้คุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก สภ.เมืองสมุทรปราการ แต่นายเอยังอยู่ในอาการเมาอย่างหนัก ไม่สามารถให้การได้ จึงคุมตัวให้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

               จากการสอบถามคนดูแลอาคารคอนโดฯ อายุ 56 ปี เล่าว่า เมื่อช่วงสายของวันนี้ ตนได้พบเห็นผู้บาดเจ็บซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มานั่งดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อนชาวเมียนมา 4 - 5 คน ที่ข้างตึก ก่อนที่ทั้งหมดจะชวนกันขึ้นไปบนตึก ตนก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากคิดว่ามาเยี่ยมเพื่อน กระทั่งช่วงบ่ายเห็นผู้บาดเจ็บเดินลงมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่หน้าตึกในสภาพเลือดท่วมตัวก่อนที่จะล้มฟุบอยู่กับพื้นถนน ส่วนผู้ก่อเหตุขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากในห้องดังกล่าวพบเพียงนายเอนอนเมาอยู่ในห้องเพียงคนเดียว ส่วนเจ้าของห้องและเพื่อนที่มาด้วยกันยังไม่พบตัวแต่อย่างใด

               เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่า ก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บและเพื่อนน่าจะนัดกันมาดื่มกันที่ห้องดังกล่าว กระทั่งเมากันได้ที่ และเกิดมีปากเสียงกันถึงขั้นลงมือชกต่อยกัน แต่อีกฝ่ายสู้ไม่ได้จึงใช้อาวุธแทงผู้บาดเจ็บหลายครั้งก่อนที่จะวิ่งหลบหนีไป

               ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดนั้นต้องรอนายเอฟื้นได้สติก่อน จึงจะทำการสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ