‘อุยกูร์’ หลบหนี ‘กดดัน-ไม่รู้อนาคต’

               นายอิสมาแอล หมัดอะดั้ม ประธานฝ่ายในประเทศสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า สาเหตุของการหลบหนีของมุสลิมอุยกูร์ครั้งนี้ เนื่องจากเขาถูกกักตัวโดยที่ไม่รู้อนาคต เป็นการต่อสู้เพื่อให้หลุดพ้นจากการถูกกักขัง และไม่ใช่เป็นการคิดหลบหนีครั้งแรก แต่มีมาตลอด เพราะเขาไม่รู้อนาคตว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อไหร่

               หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็มีการปรับสถานที่ควบคุมให้มีความแข็งแรงและมั่นคงมากขึ้น มีรั้วสูง แต่แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะปรับให้สถานที่การควบคุมตัวมั่นคงแค่ไหน แต่ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา เพราะการที่ถูกควบคุมตัวตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ก็เป็นธรรมดาที่จะมีความพยายามในการหลบหนี โดยช่วงก่อนที่รัฐบาลส่งตัวชุดนึงไปจีน เราก็สามารถเข้าเยี่ยมได้ แต่หลังนั้นก็ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้

               “เป้าหมายของคนกลุ่มนี้คือต้องการไปประเทศตุรกี แต่ที่คนกลุ่มนี้ยังไม่สามารถส่งตัวไปได้ เกิดจากปัญหาว่าคนกลุ่มนี้จีนเขาก็ต้องการตัว ในขณะที่ประเทศตุรกีก็ยังไม่กล้าฟันธง ทำให้รัฐบาลไทยไม่กล้าตัดสินใจ หลังจากที่มีการส่งชุดแรกไปจีนแล้ว ซึ่งถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทำให้ทางออกของรัฐบาลไทยก็คือ กักตัวไว้”

               นายอิสมาแอล กล่าวว่า ฉะนั้นสิ่งที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการคือ คนที่ยังเหลืออีก 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องของโรคซึมเศร้า จากเมื่อก่อนที่มีกันอยู่หลายคน มาถึงตอนนี้เหลือแค่ 5 คน ก็เป็นธรรมดาที่จะทำให้เกิดอาการเครียดเกิดขึ้นได้ และจะเป็นบทเรียนให้กับรัฐบาลไทยในการดำเนินการกับกลุ่มคนที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สามว่ารัฐบาลต้องหาวิธีที่เป็นทางออกของปัญหาที่ชัดเจน ที่สามารถตอบกับสังคมและตอบกับต่างประเทศได้

               และกลุ่มที่ต้องการลี้ภัย โดยดำเนินการภายใต้กฎหมายของประเทศไทยว่า เราจะส่งหรือไม่ส่งตัว เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้มีความผิดที่ร้ายแรง เป็นคดีอาชญากรรม หรือก่อการร้าย ในอนาคตรัฐบาลไทยน่าจะต้องมีทางออกเรื่องแบบนี้ให้ชัดเจนมากกว่าที่ผ่านมา