เชิดชูวีรบุรุษกล้า !! ส่งศพทหารเหยื่อโจรใต้ลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ขึ้นเครื่องบิน ซี 130 กลับบ้านเกิดอย่างสมเกียรติ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 ก.ย.60 ที่บริเวณท่าอากาศยานนราธิวาส อ.เมืองนราธิวาส ได้มีเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกนำร่างของ ส.ต.ธเนตร พุทโท ผู้บังคับชุดปฏิบัติการที่ 6 ร้อยทหารพรานที่ 4707 ชุดเฉพาะกิจทหารพรานที่ 47 ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ศพที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยลำเลียงขึ้นเครื่องบิน ซี 130 ของกองทัพอากาศ เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาเกิด วัดท่าจันทร์ ม.3 ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ โดยมีตัวแทนหัวหน้าชุดเฉพาะกิจนราธิวาส หมายเลข 2 ตัว ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส ได้เดินทางมาเคารพและส่งศพอย่างสมเกียรติชายชาติทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศชาติจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ขณะที่บ้านเลขที่ 335 หมู่ 1 ต.น้ำแคม อ.ท่าลี่ จ.เลย ซึ่งเป็นบ้านของ ด.ต.อนิรุทธ จันทะวงษ์ หรือ ดาบยักษ์ อายุ 49 ปี ผบ.หมู่ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เลย ช่วยราชการ ศวบ.ศปภ.ตร.สน. สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บกู้วัตถุระเบิดที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดใน อ.ยะหา จ.ยะลา โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีเพื่อนตำรวจ ญาติและเพื่อนบ้านได้มาช่วยกันเตรียมพื้นที่จัดงานศพ ซึ่งจะเดินทางมาถึงโดยเฮลิคอปเตอร์ในช่วงเวลา 15.00 น.วันนี้
นางผ่องศรี จันทะวงษ์ อายุ 41 ปี ภรรยาของด.ต.อนิรุทธ เปิดเผยด้วยความเศร้าโศก ว่า หลังทราบข่าวว่าสามีเสียชีวิต ก็รู้สึกเสียใจมาก ไม่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับครอบครัว ขณะนั้นตนกำลังนั่งรีดผ้าอยู่ในบ้านพักที่ จ.พิษณุโลก ปกติจะเปิดทีวีดูข่าวทุกวัน แต่เมื่อวานนี้รู้ว่าไม่อยากเปิดดูข่าว และรู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่มผิดปกติ แล้วก็มีผู้บังคับบัญชาโทรมาบอกว่าสามีเสียชีวิตแล้ว ซึ่งทุกวันก็จะโทร และเล่นไลน์คุยกันตลอด แต่วันเกิดเหตุ ช่วงบ่ายไม่เห็นตอบไลน์ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดคงทำงานอยู่
นางผ่องศรี กล่าวต่ออีกว่า สามีได้ขอทำเรื่องไปทำงานที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายครั้ง ตอนที่รับการราชการอยู่จังหวัดพิษณุโลก แต่พอหลังจากได้ย้ายกลับบ้านที่จังหวัดเลย ผู้บังคับบัญชาการได้สั่งการให้ไปปฏิบัติหน้าที่อยู่จังหวัดยะลา ตามความต้องการ สามีบอกว่า อยากไปหาประสบการณ์ด้านการเก็บกู้วัตถุระเบิด และอยากปกป้องประเทศชาติให้พ้นภัยจากผู้ไม่หวังดี การที่ต้องสูญเสียสามีไปเช่นนี้ แม้จะเสียใจ และก็รู้สึกภูมิใจในตัวสามี หลังจากนี้ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจในการใช้ชีวิต เหลือเพียงตนกับลูกสาวเพียงคนเดียว ต้องอยู่ให้ได้เพื่อลูก
ด้านนางสาวพัทธนันท์ จันทะวงษ์ หรือน้องน้ำขิง บุตรสาววัย 17 ปี กล่าวว่า เสียใจมากที่พ่อต้องมาจากไป พ่อเป็นทั้งพ่อทั้งเพื่อน ใจดี ไม่เคยโกหกลูก ซื่อสัตย์ต่อครอบครัว จะยึดถือคุณงามความดีของพ่อเป็นตัวอย่างในการดำรงชีวิตต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง