ข่าว

"ร้อยเอก"ปัดพันอบต.หายตัว ตร.ลั่นหลักฐานแน่นนำคนผิดมาลงโทษ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“ร้อยเอก”ปฏิเสธเกี่ยวพัน .อบต.สาวหายตัว ตร.มั่นใจมีพยานหลักฐานแน่นหนาสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้

           กลายเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจอย่างมากกับกรณีที่น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ผู้อำนวยการกองการศึกษาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หายตัวออกไปจากบ้านเช่า ในเขตบ้านบก ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ก่อนที่พ่อผอ.อ้อยจะเข้าแจ้งความในอีก 17 วันต่อมา กระทั่งวันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวนายทหารคนหนึ่งเข้ามาให้ข้อมูลหลังสืบทราบว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ที่หายตัวไป

            เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม  ที่ สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ นายทหารยศร้อยเอกคนหนึ่ง สังกัดกองร้อยอาวุธเบาที่2 กองันทหารบกที่2 กรมทหารราบที่6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ที่ม่ีข่าวไปพัวพันกับการหายตัวไปของ น.ส.จุฑาภรณ์ ได้เข้าพบกับพนักงานสอบสวน ตามหมายเรียกพนักงานสอบสวนในข้อหา “กักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”

          ทั้งนี้ ร้อยเอกคนดังกล่าว พร้อมผู้ที่ร่วมเดินทางมาด้วยจำนวน 4 คน ได้เข้าพบกับพล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ที่ห้องประชุมแบบเงียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับสื่อมวลชนจำนวนมากที่เฝ้ารอทำข่าวในวันนี้ ที่ตึกผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นเวลา 10 นาที ก่อนที่จะเดินมาที่ห้องของชุดสืบสวน ชั้น 2 เพื่อให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาโดยไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไป

          การมาปรากฎตัวของทหารบกยศร้อยเอกนี้ เกิดขึ้นหลังจากพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนพยานมากกว่า 20 ปาก รวมทั้ง นายวิทยา บัวเกษ ผู้เป็นสามีอบต.สาว จนสามารถได้เบาะแสความเชื่อมโยงข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเงิน กับนายทหารคนหนึ่ง  ประจำการอยู่ที่จ.อุบลราชธานี  เป็นผู้ที่ นายวิทยา  เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับร้อยเอกคนนี้ซึ่งมีความสัมพันธ์กับน.ส.จุฑาภรณ์ และได้นำเอารถเก๋งของน.ส.จุฑาภรณ์ไปฝากขายไว้กับหญิงคนหนึ่ง ก่อนถูกนำไปขายต่อให้เสี่ย ต. ในราคา1.8แสนบาท 

         พล.ต.ต.สุรเดช กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.นิพนธ์ บุญเกิด รอง ผบก. เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี โดยรถเก๋งของกลางที่ตำรวจตรวจยึดและขนย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่โรงพักนั้นพบว่ามีการขายต่อกันเป็นทอดๆ มาแล้ว 3 ราย มีสัญญาซื้อขายและเอกสารการโอนอย่างชัดเจนสามารถนำสืบได้ไม่ยาก ต่อจากนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ศรีสะเกษ จะได้ทำการตรวจเก็บหลักฐานที่ได้จากรถยนต์ของกลางอย่างละเอียด ขณะนี้คดีคืบหน้าไปมาก ได้ข้อมูลเบาะแสสำคัญหลายอย่างแต่ต้องนำมาวิเคราะห์อย่างละเอียด 

          “โดยเฉพาะประเด็นการติดต่อสื่อสารระหว่าง ผอ.อ้อย และญาติพี่น้อง ผ่านแอพพลิเคชั่น “ไลน์” เป็นข้อมูลสำคัญซึ่งต้องดูว่าว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่ ผอ.อ้อย จะใช้งานเอง หรืออาจมีผู้ปลอมตัวมาเบี่ยงเบนคดี ทั้งนี้ได้ตั้งประเด็นการหายตัวไว้หลายประเด็น ซึ่งล้วนมีความสำคัญและเป็นไปได้ทั้งสิ้น อาทิ ชู้สาว หนี้สิน ปัญหาที่ทำงาน”พล.ต.ต.สุรเดช กล่าว

          การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน่พบหลักฐานว่า รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ ที่น.ส.จุฑาภรณ์ขับขี่แล้วหายตัวไป ถูกนำเอาไปขายและทำสีอยู่ที่อู่แห่งหนึ่งอยู่ที่อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และเงินในบัญชีของน.ส.จุฑาภรณ์มีการโอนเข้าบัญชีของร้อยเอกคนนั้น ซึ่งตำรวจออกหมายเรียก เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพ 

          ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวในแอพพลิเคชั่นไลน์ของน.ส.จุฑารัตน์ ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคมได้มีการติดต่อกับญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมชั้นเรียน และเพื่อนร่วมงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นการขอยืมเงิน ซึ่งญาติพี่น้องก็ได้โอนให้ครั้งละ 2 หมื่นบาทหลายครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 3 แสนบาท แต่มีข้อสังเกตว่า  น.ส.จุฑารัตน์ จะไม่ยอมรับโทรศัพท์เลยตั้งแต่หายตัวไป ส่วนบัญชีธนาคารของเธอ กลับมีหลักฐานพบการโอนเงินให้ญาติของร้อยเอกหลายครั้งรวมแล้วกว่า 2 แสนบาท 

          นอกจากนี้ยังพบเบาะแสหลักฐานเชื่อมโยงว่าทั้งน.ส.จุฑารัตน์และร้อยเอกคนดังกล่าวมีพิกัดเคลื่อนไหวอยู่สถานที่เดียวกันโดยมีการเดินทางเชื่อมโยง 4 จังหวัด ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ก่อนจะไปสิ้นสุด ที่บริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

          พล.ต.ต.สุรเดช  กล่าวด้วยว่า  ตนยินดีที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งขณะนี้ได้ทำการสอบสวนสืบสวน โดยเฉพาะพยานผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งร้านอาหาร ร้านคาราโอเก๊ะต่างๆ ที่เคยพบเห็นนายทหาร และน้องอ้อย ไปทานอาหาร ไปเที่ยวกันครบถ้วนแล้ว ขณะเดียวกัน ยังพบความเคลื่อนบนเฟสบุ๊ก ของน้องอ้อย ที่ใช้ชื่อoil oilอยู่ตลอด กล่าวขอโทษพ่อแม่ เพื่อนๆ ร่วมงาน และบรรดาญาติๆ แจ้งตนสบายดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่เชื่อว่าเป็นการเล่นของน้องอ้อย เช่นกัน

           ล่าสุดพบว่าเฟซบุีกดังกล่าวหยุดการเคลื่อนไหว ล็อกเอาท์ออกจากระบบ ในช่วงบ่ายวันที่ 7 สิงหาคม หลังโพสต์สุดท้ายระบุความรู้สึก “เบื่อ” พร้อมข้อความ “กรุณาให้เกียรติค่ะ ใครไม่พอใจอะไร ลบเพื่อนคะ อย่ามาโพสต์กวน...” โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ก็มีการโพสต์ภาพ ที่ได้มาจากอินเตอร์เน็ต ลวงให้เข้าใจว่า อยู่ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา 

          อย่างไรก็ตาม หลังใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงเพื่อสอบสวนแจ้งข้อหา ร้อยเอกคนดังกล่าวได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมระบุว่าจะให้การในชั้นศาลเท่านั้นก็ตาม 

         แต่กระนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงเดินหน้าสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานต่อไป แม้จะมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ก็ตาม !!! 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ