ตม.รวบ“ภูดิศ”หัวโจกแชร์ลูกโซ่ตุ๋นเหยื่อ4หมื่นสูญกว่า4พันล้าน

          10 ส.ค.60  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) สามารถจับกุม นายภูดิศ กิตติธราดิลก กรรมการผู้จัดการ บริษัทเดอะซิสเตม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด (TSPP) และบริษัทอินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่คอร์สสัมมนา มีเหยื่อทั่วประเทศหลงเชื่อร่วมลงทุนด้วยกว่า 4 หมื่นคน มูลค่าความเสียหายกว่า 4 พันล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ผู้เสียหายได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ และร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา กระทั่งถูกออกหมายจับข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยผู้ต้องหาได้ย้ายครอบครัวหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ชะล่าใจเดินทางกลับมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 ส.ค. จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จับกุมตามหมายจับ จากนั้นได้คุมตัวส่งศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ จะเดินทางมาทำการอายัดตัวที่ศาล เพื่อนำนายภูดิศ ไปสอบสวนขยายผลและแจ้งข้อหาที่ ดีเอสไอ ต่อไป

          ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายในกรณีดังกล่าวเกือบ 200 คน ที่ร่วมลงทุนซื้อแพคเกจคอร์สสัมมนาเพื่อการเรียนรู้และการลงทุน กับบริษัทสั้งสองของนายภูดิศ ได้ยื่นคำร้องขอให้ดีเอสไอรับไว้เป็นคดีพิเศษ โดยมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง ลักษณะการหลอกลวงคือ ตั้งแต่ปี 2558 นายภูดิศ เป็นผู้ชักชวนประชาชนให้ลงทุนโดยสัญญาว่าจะจ่ายเงินค่าตอบแทนในอัตราร้อยละ 30 ต่อเดือน โดยแผนการตลาดจะให้ประชาชนสมัครสมาชิกบริษัทในรูปแบบแพคเกจต่างๆ 5 แพคเกจ ประกอบด้วย แพคเกจวีไอพี ราคา 108,000 บาท แพคเกจพรีเมียม ราคา 36,000 บาท แพคเกจแสตนดาร์ด ราคา 18,000 บาท แพคเกจมินิ ราคา 9,000 บาท และแพคเกจไมโคร ราคา 4,500 บาท แต่ไม่มีสินค้าและแหล่งที่มาของเงิน ซึ่งหลังจ่ายเงินซื้อแพคเกจครบ 30 วัน จะเริ่มจ่ายเงินปันผลให้ตามสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะจ่ายทุกสัปดาห์ ในอัตราร้อยละ 7 นอกจากนี้ นายภูดิศ ยังโฆษณาว่าหากชักชวนคนอื่นมาร่วมซื้อแพคเกจด้วยจะได้รับค่าแนะนำร้อยละ 5 และจะได้รับค่าแนะนำเพิ่มมากขึ้นตามลำดับตามอัตราที่ชักชวนมาได้มาก ทำให้ประชาชนหลงเชื่อจำนวนมาก เนื่องจากการลงทุนในระยะแรกมีสมาชิกได้รับผลกำไรตามที่บริษัทโฆษณาจริง

          ขณะเดียวกันนายภูดิศยังให้สมาชิกซื้อคอร์สสัมมนา เพื่อมีสิทธิ์เป็นผู้ถือใบหุ้นบุริมสิทธิ์ โดยหลอกสร้างความมั่นใจเพิ่มเป็น 2 เท่า ด้วยการให้ซื้อแพคเกจเหมือนเดิมและจะจ่ายเงินปันผลทุก 7 วัน ตลอด 1 ปี โดยอ้างว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีผู้เสียหายรวม 4 หมื่นคนทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 4 พันล้านบาท กระทั่งเดือนก.ค.2559 บริษัทประกาศหยุดจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิก ทำให้ผู้เสียหายถูกหลอกลวงสูญเงินตั้งแต่หลักแสนบาทไปจนถึงหลัก 10 ล้านบาท