ข่าว

อุทธรณ์ยืนจำคุกไม่รอลงอาญา2ปีนศ.สาวเมาขับชนนักปั่นดับ3

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอุทธรณ์ยืนตามชั้นต้น จำคุกไม่รอลงอาญา 2 ปี นศ.สาวเมาขับชน 3 นักปั่นดับ สั่งจ่ายเพิ่มค่าชดเชยครอบครัวเหยื่อ

     กรณีคดี น.ส.ภัทร์ชุดา จายเรือน นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ใน จ.เชียงใหม่ ได้เมาแล้วขับรถยนต์พุ่งชนกลุ่มนักปั่นจักรยานจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย เหตุเกิดบริเวณถนนเชียงใหม่-เชียงราย ขาออก ช่วงกิโลเมตรที่ 8-9 หมู่ 4 ต.ตลาดขวัญ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2558 ที่ผ่านมา

     ต่อมาเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2559 ศาลได้ตัดสินลงโทษให้จำคุก 4 ปี แต่เนื่องจากยอมรับสารภาพ จึงลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ส่วนการจ่ายค่าชดเชย ศาลได้ตัดสินในส่วนกรณีของ น.ส.ก้องกานต์ ย่องลั่น พร้อมด้วย น.ส.นินนท์ ย่องลั่น ลูกสาวนายชัยรัตน์ ย่องลั่น ผู้เสียชีวิต โดยศาลได้ยกฟ้องในคดีแพ่ง ส่วนกรณีนางปราณี กันทา ซึ่งได้สูญเสียสามีไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว ศาลได้ตัดสินให้จำเลยชำระเงินชดเชยเป็นจำนวน 1.7 ล้านบาท และในกรณีนายแก้ว คำแก้ว และนางแก้ว คำแก้ว ซึ่งได้สูญเสียลูกชายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ศาลได้ตัดสินให้จำเลยชดเชยเงินเป็นจำนวน 4.35 แสนบาท ซึ่งทางครอบครัวและญาติผู้เสียหาย นำโดย น.ส.ก้องกานต์ ต่างเห็นว่าไม่เพียงพอต่อความสูญเสียและเป็นเสาหลักทั้ง 3 ครอบครัว

     ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายจึงได้ขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาล เพื่อให้พิจารณาคดีเพิ่มโทษกับผู้ที่ก่อเหตุ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าจำเลยไม่ได้มีความสำนึกในสิ่งที่กระทำผิดไป และทางครอบครัวของผู้ตายยังไม่เคยได้รับการเยียวยาใดๆ หรือติดต่อแสดงความรู้สึกเสียใจจากผู้กระทำผิด โดยได้รับเพียงเงินชดเชยจาก พรบ.ภาคบังคับรายละ 200,000 บาท และประกันภาคสมัครใจหรือประกันชั้นหนึ่งอีกรายละ 1 ล้านบาทเท่านั้น

     ความคืบหหน้าล่าสุด วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ น.ส.ก้องกานต์ ย่องลั่น พร้อมครอบครัว และญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย คือ นายชัยรัตน์ ย่องลั่น , นายสมาน กันธา และ นายพงศ์เทพ คำแก้ว ซึ่งเป็น 3 นักปั่นจักรยานเชียงใหม่ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ในคดีกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

     ทั้งนี้อัยการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นโจทก์ฟ้อง นางสาวภัทร์ชุดา จำเลย ในฐานความผิดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 291 พระราชบัญญัติการจราจรทางบก โดยที่ครอบครัวและญาติของ 3 นักปั่นที่เสียชีวิตเป็นโจทก์ร่วมฟ้องในคดีนี้ด้วย ได้แก่ นางสาวก้องกานต์ ย่องลั่น โจทก์ร่วมที่1,นางสาวนินนท์ ย่องลั่น โจทก์ร่วมที่ 2,นางปราณี กันธา โจทก์ร่วมที่ 3,นายแก้ว คำแก้ว โจทก์ร่วมที่ 4 และนางแก้ว คำแก้ว โจทก์ร่วมที่ 5 ส่วน น.ส.ภัทร์ชุดา จายเรือน จำเลย ไม่ได้เดินทางมารับฟังคำตัดสินแต่อย่างใด แต่ให้ทนายส่วนตัวมารับฟังคำตัดสินแทน

     ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้อ่านคำพิพากษาโดยยืนตามคำพิพากษาเดิมของศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา แต่ได้พิพากษาแก้เรื่องจำนวนเงินที่ต้องชดเชยให้กับญาติผู้เสียชีวิตโดยให้เพิ่มเงินให้กับนางปราณี กันธา ภรรยาของนายสมาน กันธา ที่เสียชีวิต จาก 1.7 ล้านบาท เป็น 2,334,091.50 บาท และให้นายแก้ว และนางแก้ว คำแก้ว บิดาและมารดาของนายพงษ์เทพ คำแก้ว ผู้เสียชีวิตจากคนละ 4.3 แสนบาท เป็นคนละ 1,185,433 บาท(เนื่องจากแยกกันอยู่) ซึ่งญาติของผู้สูญเสียน้อมรับคำพิพากษาส่วนจะฎีกาต่อไปหรือไม่นั้น ก็อาจจะต้องมีการปรึกษากับทางเครือญาติและทางทนายความอีกครั้งต่อไป

     น.ส.ก้องกานต์ ย่องลั่น ลูกสาวนายชัยรัตน์ ย่องลั่น นักปั่นจักรยานที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า ยอมรับในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โดยในส่วนของคดีทางแพ่งนั้นเบื้องต้นพอใจที่โจทก์ร่วมอื่นๆ จะได้รับเงินสินไหมชดเชยเพิ่มขึ้น แม้ว่าในส่วนของครอบครัวตัวเองจะไม่ได้รับเงินส่วนนี้ก็ตาม ขณะที่ในส่วนของคดีทางอาญาก็พอใจที่ศาลไม่รอลงอาญา แม้ว่าจะเห็นว่าโทษจำคุก 2 ปี อาจจะยังดูน้อยเกินไป ทั้งนี้เตรียมปรึกษาหารือกับทางทนายความและโจทก์ร่วมว่าจะมีการยื่นฎีกาอีกหรือไม่

     ด้านนายแก้ว คำแก้ว พ่อของนายพงศ์เทพ คำแก้ว นักปั่นจักรยานที่เสียชีวิตอีกรายหนึ่ง บอกว่า ส่วนตัวมองว่าโทษทางอาญาที่ผู้ก่อเหตุได้รับนั้น อาจจะดูน้อยเกินไปเมื่อเทียบความผิดที่ได้กระทำไป เช่นเดียวกับจำนวนเงินที่ได้รับการชดเชยก็เทียบไม่ได้กับชีวิตของลูกชายที่สูญเสียไป แต่ทั้งนี้ยอมรับและเคารพในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ออกมา

     รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของนางสาวภัทร์ชุดา จายเรือน นักศึกษาสาวเมาแล้วขับรถยนต์ชนนักปั่นจักรยานเสียชีวิต 3 ศพในคดีนี้นั้น หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาในวันนี้ (27 มิ.ย.) ได้ยื่นขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไป ทั้งนี้ที่ผ่านมาหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญานั้น นางสาวภัทร์ชุดา ได้ยื่นขอประกันตัวและได้รับการอนุญาตจากศาลให้ประกันตัวออกมาต่อสู่คดีในชั้นอุทธรณ์ โดยที่ยังไม่ได้รับโทษจำคุกแต่อย่างใดจนกระทั่งมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ