ลุงขับแท็กซี่ฮึดสู้คนร้ายจี้ชิงทรัพย์ถูกฟันเลือดอาบ

     เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 23 มิถุนายน พ.ต.ท.วุฒิ พระเดชวงศ์ สารวัตร(สอบสวน)สภ.ปากคลองรังสิต ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์คนขับรถแท็กซี่ และได้ทำร้ายคนขับได้รับบาดเจ็บ บริเวณใต้ทางด่วนซอยหลวงพ่อสรวง หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี จึงไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ปากคลองรังสิต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง

     ที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายปรีชา สว่างอารมณ์ อายุ 67 ปี อยู่91/8 ม.4 ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดฟันได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ หูด้านซ้าย และมือด้านซ้ายจำนวน 3 แผล เจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้งจึงช่วยกันทำแผลและนำส่งโรงพยาบาลปทุมธานี ที่ข้างถนนในป่าหญ้าพบรถแท็กซี่นั่งส่วนบุคคลสีเขียว-เหลือง หมายเลขทะเบียน มง 5805 กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบภายในรถพบรอยเลือดกระเด็นเต็มรถ และบริเวณรอบๆรถด้วย ส่วนกลางถนนและป่าหญ้าข้างทางพบรอยเลือดกระเด็นเต็มไปหมด คาดว่าคนเจ็บน่าจะต่อสู้กับคนร้าย นอกจากนี้ยังพบรองแตะตกอยู่ 1 ข้าง ฝาหลังโทรศัพท์มือและแบตเตอรี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

     จากการสอบถาม นายปรีชา คนขับรถแท็กซี่ บอกว่า คนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 20-25 ปี ได้โบกรถตนเองมาจากถนนทางหลวงหมายเลข 345 ให้มาส่งที่วัดเทียนถวาย เมื่อมาส่งที่วัดเทียนถวายคนร้ายไม่ยอมลงจากรถ และบอกให้ตนเองขับรถมาที่ถนนใต้ทางด่วนซึ่งมีลักษณะที่มืดเปลี่ยว เพราะมีแต่ไฟส่องสว่างของทางด่วนส่องมาเท่านั้น จากนั้นคนร้ายที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังได้ชักอาวุธมีดเข้ามาจี้ที่ตนเอง ตนจึงหันไปสู้ จากนั้นคนร้ายก็ได้กระโดดลงจากรถ ตนจึงตามลงมา เพราะเห็นว่าคนร้ายตัวเล็ก และมีดที่ใช้ก่อเหตุเป็นมีดสั้น จึงเข้าต่อสู้กันที่ป่าหญ้าอีก ก่อนที่ตนจะถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดฟันได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนคนร้ายก็ได้วิ่งหลบหนีไป 

     ขณะที่ส่วนนายสมใจ โพธิ์ทอง เจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง เล่าว่า เมื่อตนได้รับแจ้งเหตุก็เข้ามาช่วยเหลือ และเห็นลุงคนขับแท็กซี่นั่งอยู่ข้างทางมีเลือดเต็มหน้าไปหมด จึงช่วยกันทำแผลและนำตัวส่งโรงพยาบาลปทุมธานี
     ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้ให้รถยกมายกรถแท็กซี่ไปเก็บไว้ที่ สภ.ปากคลองรังสิต และจะได้ให้เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามกล้องวงจรปิดที่คนร้ายจะหลบหนีเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป