ข่าว

EXCLUSIVE!! แกะรอย 24 วัน...คลี่ปมระเบิด ร.พ.พระมงกุฏฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แกะรอย 24 วัน...คลี่ปมระเบิด ร.พ.พระมงกุฏเกล้า "ลุงวัฒนา" สารภาพก่อเหตุ 6 จุด 

 

             16 มิ.ย.60 - หลังเหตุการณ์ระเบิดในห้องวงษ์สุวรรณ ภายในอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา หน่วยงานความมั่นคงใช้เวลา 24 วันในการคลี่คลายคดี "ทีมข่าวอาชญากรรม คมชัดลึกออนไลน์" เจาะรายละเอียดการแกะรอยของเจ้าหน้าที่ดังนี้

             ในการรวบรวมพยานหลักฐานหน่วยงานความมั่งคงโดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดหลายตัวภายในโรงพยาบาลทำให้ได้ภาพผู้ต้องสงสัย "หลายร้อยคน" ที่สะพายกระเป๋าเป้และถือถุงพลาสติกบรรจุสิ่งของ 

             ขณะเดียวกันการสืบสวน สอบสวนหาพยานในที่เกิดเหตุของกองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. พบ "พยานบุคคล" เป็นนายทหารรอพบแพทย์ ให้ข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุสังเกตเห็นชายคนหนึ่งสวมหน้ากากอนามัยสวมเสื้อและกางเกงสีน้ำตาลอ่อนนั่งอยู่บริเวณที่นั่งรอพบแพทย์ ทำให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเน้นตรวจหาผู้ต้องสงสัยตามตำหนิรูปพรรณจากคำบอกเล่าของพยาน 

             ปรากฏว่าพบผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งเดินเข้ามา ในโรงพยาบาลหิ้วถุงพลาสติกสีขุ่นบรรจุสิ่งของเดินมาบริเวณโต๊ะประชาสัมพันธ์แล้วเดินเข้าไปในห้องวงษ์สุวรรณโดยใช้เวลานานกว่า 30 นาทีจากนั้นออกมาโดยภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพผู้ต้องสงสัยใช้มือทั้งสองข้างจับถุงพลาสติกสีขุ่นไม่มีสิ่งของหนักเหมือนก่อนเข้าไป

EXCLUSIVE!! แกะรอย 24 วัน...คลี่ปมระเบิด ร.พ.พระมงกุฏฯ

             พฤติการณ์ของผู้ต้องสงสัยและผลการซักถามพยานของชุดสืบสวนถูกรายงานไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ประสานงานกับโรงพยาบาลขอตรวจสอบข้อมูลของผู้ป่วยที่ลง ทะเบียนรอพบแพทย์ในห้องวงษ์สุวรรณก่อนเกิดเหตุทั้งหมดโดยนำภาพผู้ต้องสงสัยเทียบเคียงกับผู้ป่วยทุกคน

             ความร่วมมือของโรงพยาบาลซึ่งก่อนเกิดเหตุระบุชัดเจนในฐานข้อมูลว่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่งลงทะเบียนพบแพทย์ จากการตรวจสอบตำหนิรูปพรรณของผู้ป่วยทั้งหมดไม่ตรงกับภาพผู้ต้องสงสัย ทำให้ต้องเร่งตรวจสอบมากขึ้นจากกล้องวงจรปิดภายนอกโรงพยาบาล พบว่าช่วง "หลังเกิดเหตุ" กล้องวงจรปิดด้านนอกโรงพยาบาลบริเวณด้านหน้าทางเข้า บันทึกภาพผู้ต้องสงสัยยืนมองรถยนต์ของตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษเข้าไปในโรงพยาบาลตรวจที่เกิดเหตุ

             จากนั้นพบว่าผู้ต้องสงสัยขึ้นรถประจำทางไปลงบริเวณอนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิก่อนขึ้นไปยัง สถานีรถไฟฟ้าจากนั้นลงมาด้านล่างโดยใช้เวลาป้วนเปี้ยนอยู่ในละแวกดังกล่าวกว่า 2 ชั่วโมงซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดปกติ

             การตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยคนนี้ยังมีต่อเนื่องชุดสืบสวนพบภาพผู้ต้องสงสัยขึ้น "รถโดยสารปรับอากาศสาย ปอ.18" ไปลงย่านบางกรวย จ.นนทบุรี ก่อนที่จะเดินไปบริเวณลานจอดรถใกล้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยผู้ต้องสงสัยนำสิ่งของบางอย่างเก็บที่ "รถยนต์ฮอนด้า รุ่นซีวิค สีบรอนซ์" แต่กล้องวงจรปิดไม่สามารถเห็นหมายเลขทะเบียนรถยนต์

             ข้อมูลของรถยนต์ยี่ห้อสีและรุ่นถูกนำมาตรวจสอบค้นหาจากข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ารถยนต์ลักษณะดังกล่าวมีผู้ถือกรรมสิทธิ์และผู้ครอบครองจำนวนมาก ทำให้ตรวจสอบข้อมูลบุคคลรวมถึงผู้ใกล้ชิดของเจ้าของรถแต่ละคันใช้เวลานาน ซึ่งภายหลังพบว่ามี "คนใกล้ชิดของผู้ครอบครองรถยนต์" คือ "นายวัฒนา ภุมเรศ" อายุ 61 ปี ตำหนิรูปพรรณคล้ายกับภาพของผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิด

             การสืบสวนสอบสวนถูกรายงานไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.อีกครั้ง โดยชุดสืบสวนได้รับคำสั่งให้จัดชุดสะกดรอยเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมและหาข้อมูลเชิงลึกโดยใช้เวลานานกว่า 1 สัปดาห์ก็ไม่พบความผิดปกติในการใช้ชีวิตประจำวันของนายวัฒนา ซึ่งส่วนใหญ่จะไปหาเพื่อนสาวคนสนิทภายในคอนโดมิเนียมย่านบางกรวยและกลับบ้านย่านรามอินทรา ประกอบกับข้อมูลพฤติการณ์ของนายวัฒนา ที่ได้จากพยานแวดล้อมระบุเคยชุมนุมกับกลุ่มผู้แสดงออกทางการเมืองและติดตามข่าวสารต่อเนื่อง

             หน่วยงานด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า "ช่วงเย็นของวันที่ 14 มิ.ย.2560" ชุดสืบสวนและทหาร เชิญตัวนายวัฒนา ซักถามในฐานะผู้ต้องสงสัย ภายในค่ายทหาร ซึ่งภายหลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางมาร่วมซักถามนายวัฒนา นานหลายชั่วโมงก็ยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือ 

             จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 15 มิ.ย. 2560 จึงเข้า "ตรวจค้นบ้านของนายวัฒนาที่หมู่บ้านอัมรินทร์นิเวศ 1" ซ.รามอินทรา 3 ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขนกรุงเทพฯ ซึ่งภายในบ้านพบภรรยาของนายวัฒนา เป็นอดีตทหารยศร้อยตรี รวมถึงบุตรชายฝาแฝด 2 คนและลูกสะใภ้ จากการตรวจค้นพบไปป์บอมบ์ที่ประกอบ สำเร็จ 4 แท่ง พร้อมวงจรประกอบระเบิดหรือไอซีทามเมอร์ รวมถึงของกลางอีกหลายรายการถูกตรวจยึดไว้

             การเข้าตรวจค้นและสอบสวนบุคคลในบ้านซึ่งนายวัฒนาไม่คาดคิดมาก่อนว่าถูกค้นพบหลักฐานไม่นานนักนายวัฒนาก็ยอมให้ความร่วมมือในการซักถามโดยบอกว่าเป็นผู้ก่อเหตุทั้งหมด 6 ครั้งโดยวางระเบิดที่หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน เมื่อ 9 เม.ย.2550 , วางระเบิดตู้โทรศัพท์หน้าปากซอยราชวิถี 24 เมื่อ 5 พ.ค.2550 , วางระเบิดหน้า บก.ทบ. เมื่อ 30 ก.ย.2550 , วาวระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม) เมื่อ 5 เม.ย.2560 , วางระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อ 15 พ.ค.2560 และวางระเบิดภายใน รพ.พระมงกุฎเกล้า เมื่อ 22 พ.ค.2560

EXCLUSIVE!! แกะรอย 24 วัน...คลี่ปมระเบิด ร.พ.พระมงกุฏฯ

             แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่านายวัฒนา ยอมรับว่าจบการศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยทำงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจนกระทั่งเกษียณ การลอบวางระเบิดทั้ง 6 แห่งมีความหมายเชิงสัญญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ตนเองชื่นชอบ 

             โดยครั้งล่าสุดก่อเหตุในโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า แผนประทุษกรรมของนายวัฒนา ประกอบระเบิดไปป์บอมบ์มาจากบ้านพักย่านรามอินทราแล้วขับรถยนต์ของลูกชายมาจอดไว้บริเวณลานจอดรถใกล้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นำระเบิดไปป์บอมบ์ที่อยู่ในแจกันใส่ถุงพลาสติกใสขุ่นนั่งรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สาย ปอ.18 ลงที่หน้าโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า

             จากนั้นเข้าไปนั่งอยู่ในห้องวงษ์สุวรรณ นำกาวทาตะขอเหล็กติดที่ผนังกำแพงก่อนนำแจกันที่บรรจุระเบิดไปป์บอมบ์พันด้วยลวดแขวนไว้ โดยตั้งหน่วงเวลาของวงจรระเบิด หรือไอซีไทม์เมอร์ไว้ 30 นาที หลังติดตั้งเสร็จนายวัฒนา นั่งรอประมาณ 10 นาทีก่อนเดินออกไปอยู่หน้าโรงพยาบาล จนกระทั่งเกิดระเบิด ขึ้นรถประจำทางลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยอยู่บริเวณดังกล่าวนานพอสมควร จากนั้นนั่งรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สาย ปอ.18 ผ่านฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล ไปลงย่านบางกรวย จ.นนทบุรี

             คำสารภาพทั้งหมด พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.  คุมงานสอบสวน , พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา(สบ 10) คุมงานสืบสวนคดีระเบิด อยู่ระหว่างขยายผลเชื่อมีผู้อยู่เบื้องหลังจ้องทำลายรัฐบาล !!


------------
ทีมข่าวอาชญากรรม คมชัดลึกออนไลน์...รายงาน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ