ราชทัณฑ์สอบเบื้องหลังนักโทษแหกคุกชี้สนิทกลุ่มเล่าต๋า

      เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 28 เมษายน นายนิมิตร ทัพวนานต์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกิตติพัฒน์ เดชะพหุลโยธิน ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง แถลงข่าวชี้แจงกรณีวิสามัญฆาตกรรมนักโทษแหกคุกช่วงเย็นวันนี้

     นายนิมิตร กล่าวว่า  เวลา 15.00 น.กรมราชทัณฑ์ ได้รับแจ้งเหตุจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ว่ามีผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างพิจารณาของศาล ชื่อนายพิชิต โชคภัคชิตพร อายุ32 ปี ผู้ต้องขังคดี พรบ.ยาเสพติดหลบหนี  โดยปีนกำแพงลวดหนามออกมา 2 ชั้น ขณะนั้นมีฝนตกหนัก เจ้าหนัาที่ได้พยายามเรียกให้กลับเข้ามาแต่ผู้ต้องขังไม่กลับและพยายามปีนต่อ จนถึงกำแพงชั้น3 ซึ่งเป็นกำแพงชั้นนอก เจ้าหน้าที่ ที่เข้าเวรรักษาการ ป้อม 7/1 ได้ตะโกนให้กลับลงไป ไม่เช่นนั้นจะต้องใช้อาวุธเข้าสกัดกั้น แต่ผู้ต้องขังก็ไม่หยุดจึงต้องใช้อาวุธปืนยิงไป 1 นัด หลังจากยิงแล้วผู้ต้องขังยังปีนขึ้นมาอีกแล้วร่วงตกลงมา สักพักหนึ่งเจ้าหน้าที่จากภายในวิ่งมาดูพบว่า ได้เสียชีวิตแล้ว

     นายนิมิตร กล่าวว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่ไม่มีผู้ใดอยู่เลย เป็นกำแพง เจ้าหน้าที่ก็ไม่อยู่ในจุดนั้นจะเป็นกำแพงชั้น1 ชั้น2 และกำแพงทึบ ทำให้ผู้ต้องขังกล้าปีน แต่การปีนนั้นถึงอย่างไรก็ต้องมีเจ้าหน้าที่เห็นตลอดเพราะแนวนั้นจะมีป้อมอยู่ถึง 2 ป้อม โอกาสที่จะหลบหนีแทบจะเป็นศูนย์ แต่ขณะเดียวกันถ้าปีนออกไปได้จริงถ้าหน้าที่ไม่ยิง เขาต้องวิ่งลงไปในน้ำ ซึ่งก็มีปัญหาอีกเพราะเราไม่รู้ว่าตรงนั้นได้มีการนัดแนะยานพาหนะหรือบุคคลภายนอก เข้ามาหรือเปล่า และจากการตรวจสอบ ผู้ต้องขังรายนี้เป็นผู้ต้องหาคดีสำคัญถูกจับกุมของกลางเป็นยาไอซ์ 3กิโลกรัม ยาบ้า 170,000 เม็ดขณะเดียวกันในระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ ได้อยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ต้องขัง กลุ่มเล่าต๋า ซึ่งวันนี้เราจะต้องตรวจสอบอีกว่า สาเหตุที่หลบหนีมีการวางแผนขนาดไหน และยังมีผู้ใดคิดหลบหนีอีกหรือไม่

     "สำหรับบาดแผลที่ถูกยิงบริเวณหน้าอก จากสูงลงล่าง 1 นัดเป็นลูซองเบอร์12 เป็นการยิงให้หยุด ถ้ายิงให้ตายต้องยิงหน้า เพราะปีนขึ้นมาต้องเงยหน้า หน้าเป็นเป้าใหญ่สุด ยิงทำลายต้องยิงหน้า แต่นี่เป็นการยิงให้หล่น ยิงเฉียดด้านข้างลงไป อย่างไรก็ดี จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง"