จับลูกจ้างชาวเขมรแทง"เจ๊สั้น"ดับคามือ

          จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ นางพรพรรณ แสนประสิทธิ์ หรือเจ้สั้น อายุ 42 ปี เจ้าของแผงขายผักรายใหญ่ของตลาดไท ถูกอดีตลูกจ้างชาวกัมพูชาใช้อาวุธมีดแทงตามร่างกายอย่างไม่ยั้งมือ จนเสียชีวิตที่บริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 72/49 หมู่บ้านพระปิ่น 7 เฟส 4 ซอย 3 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เหตุเกิดเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา 
          หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงตลอดจนประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะชายแดนไทย -กัมพูชา ให้ติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัย คือ นายที อายุ 30 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งถูกผู้ตายไล่ออกจากงาน คาดว่าคงโกรธแค้นแล้วบุกเข้ามาสังหาร ก่อนขโมยปืนและทรัพย์สินจำนวนหนึ่งหลบหนีไป จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้ และส่งตัวให้กับ สภ.คลองหลวงดำเนินคดีต่อไป



          ต่อมา เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 เมษายน พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผบช.ภาค 1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ ผบก.สส.ภ.1 แถลงจับกุมตัวนายที อายุ 30 ปี สัญชาติกัมพูชา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 256/2560 ในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมด้วยของกลาง เงินสดจำนวน 6,385 บาท พระเครื่อง 6 องค์ และปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก



          พล.ต.ต.ธนายุตม์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุฆ่านางธนพรพรรณ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนพบว่าเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ผู้ตายได้ไล่ลูกจ้างชื่อนายทีออกจากงาน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้นายทีโกธรแค้น ซึ่งจาการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า หลังจากที่ผู้ตายขับรถกลับเข้ามาที่บ้านพักที่เกิดเหตุ ขณะนั้นผู้ตายได้โทรคุยกับญาติ และระหว่างที่พูดคุยกับญาติอยู่นั้น ญาติได้ยินเสียงผู้ตายพูดขึ้นว่า “มึงจะทำร้ายกูทำไม” และเสียงได้เงียบไป สันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะถูกทำร้าย และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุพบว่า มีคนร้ายวิ่งออกจากบ้านและปีนกำแพงรั้วหมู่บ้านพระปิ่น 7 ออกไปทางด้านหลังคลองหลวงบูทิครีสอร์ท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในรีสอร์ท และตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี 



          ทั้งนี้ จาการสืบสวนสอบสวนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายที หลังก่อเหตุได้ขออาศัยรถจักรยานยนต์ผู้อื่นออกมาที่หน้าตลาดไอยรา และเรียกรถแทกซี่สีส้มหลบหนีไป ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและศาลได้อนุมัติหมายจับนายที ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังออกติดตามพร้อมทั้งประสานหน่วยงานข้างเคียง พื้นที่ชายแดนและตรวจคนเข้าเมือง สกัดจับกุมตามเส้นทางหลบหนีต่างๆ โดยคาดว่าคนร้ายอาจจะหลบหนีไปยังภูมิลำเนาของตนคือประเทศกัมพูชา จนสามารถติดตามจับกุมนายที ผู้ก่อเหตุได้ที่ เขตอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้พร้อมของกลางดังกล่าว
          จากการสอบสวนนายทีผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากโกธรแค้นที่ผู้ตายด่าทอ และไล่ออกจากงาน ในวันเกิดเหตุได้ไปที่บ้านของอดีดนายจ้าง โดยพกอาวุธมีดไปด้วย เมื่อไปถึงได้ปีนเข้าไปในบ้านแล้วรื้อค้นเอาทรัพย์สิน ขณะนั้นอดีตนายจ้างกลับมาเห็นขณะกำลังงัดตู้เซฟ จึงตะโกนเรียกเพื่อนบ้านให้มาจับ จึงตรงเข้าไปล๊อคคอแล้วใช้อาวุธมีดแทงอดีตนายจ้างจนเสียชีวิต หลังเกิดเหตุได้หลบหนี เพื่อจะเดินทางกลับบ้านที่ประเทศกัมพูชา จนกระทั่งถูกจับกุม



          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแถลงข่าวเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายที(ผู้ต้องหา)ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านเกิดเหตุ ซึ่งมีประชาชนมาดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพกันเป็นจำนวนมากโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนกว่า 20 คน คอยคุมเพื่อไม่ให้เข้ามาในบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งให้ผู้ต้องหาจุดธูปขอขมาผู้ตาย 



          ส่วนในบ้านนางสาวชมภัคมนธฑ์ แสนประสิทธิ์ 23 ปี ลูกสาวผู้ตายพร้อมด้วยญาติๆนั่งไหว้บอกแม่ที่เสียชีวิตอยู่เมื่อเห็นหน้าผู้ต้องหาก็ได้ตะโกนด่าด้วยความโกรธแค้นพร้อมทั้งร้องไห้และถามผู้ต้องหาว่า “มึงฆ่าแม่กูทำไม” ที่แม่ของตนเองรับไว้ทำงาน แต่ทางผู้ต้องหาก็ไม่ได้สำนึกในบุญคุณเลย 
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายที(ผู้ต้องหา)ขึ้นรถตู้กลับมาที่สภ.คลองหลวงทันทีเพราะเกรงว่าจะถูกประชาชนรุมประชาทัณฑ์และจนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดธัญบุรีในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.)