รวบกะเทยแสบแฮ็กเฟซอ้างเป็นแอร์สาวตุ๋นเงินหนุ่มไฮโซ

        จากกรณี 2 แอร์สาวการบินไทยร้องกองปราบว่าถูกมือดีแฮ็กเฟซบุ๊ค พร้อมกับนำรูปภาพและข้อมูลส่วนตัวไปหลอกตุ๋นหนุ่มไฮโซผ่านทางแอพพลิเคชั่นหาคู่ โดยใช้เสน่ห์ความสวยของแอร์สาวในการหลอกลวงเหยื่อเอาเงิน ก่อนจะขาดหายการติดต่อไป แต่เหยื่อเกรงว่าจะได้รับความอับอาย จึงไม่กล้าเข้าแจ้งความทำให้มิจฉาชีพรายนี้ได้ใจ ก่อเหตุในลักษณะเดิมอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งต่อมาความจริงถูกเปิดเผยเมื่อ 2 แอร์สาวถูกเหยื่อโทรศัพท์มาทวงถามเงินที่ยืมพร้อมทั้งถูกบริษัทต้นสังกัดตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจึงถูกเปิดโปงว่า ตกเป็นเครื่องมือให้มิจฉาชีพรายนี้นำไปก่อเหตุดังกล่าว
       ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 มี.ค.ที่กองบังคับการปราบปรามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางด้าน พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.เผด็จ งามละม่อม รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.ก่อเกียรติ วุฒิจำนง สว.กก. 1 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว สามารถสืบทราบตัวผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่า น่าจะเป็นผู้ก่อเหตุแล้ว โดยเบื้องต้นพบว่าเป็นชาย ลักษณะคล้ายกับสาวประเภทสอง หลังตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องสงสัยรายนี้ พบว่ามีหมายจับในคดีลักษณะดังกล่าวติดตัวอยู่ 2-3 หมายจับ

     ประกอบกับบัญชีธนาคารที่ถูกเปิดขึ้นเพื่อให้เหยื่อโอนเงินเข้ามาให้จำนวน 7-8 บัญชี เป็นธนาคารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับที่ผู้ต้องสงสัยรายนี้กบดานซ่อนตัวอยู่  ทราบชื่อคือนายอภิสิทธิ์ เพ็งนาเรนทร์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147/6 หมู่ 9 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร  ต่อมาเวลาา20.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายอภิสิทธิ์ ได้ที่ เดอะริชการ์เด้น (The Rich Garden) ซ.กระทุ่มล้ม 30 ถ.พุทธมณฑล สาย 4 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม   
    สอบสวนเบื้องต้นนายอภิสิทธิ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 3ปีแล้ว  ซึ่งทำเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอภิสิทธิ์ เข้ามาสอบสวนที่กองปราบ  เพื่อสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป
    สำหรับคดีดังกล่าวพบว่า ผู้เสียหายในคดีมีอยู่ 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็นกลุ่มของเจ้าหน้าที่ แอร์โฮสเตสสาว จำนวน 2 ราย ซึ่งถูกนำชื่อ รูปภาพ และข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในการแอบอ้างลงในเว็บไซต์หาคู่ ทำให้ถูกเข้าใจผิด และเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนผู้เสียหายอีกกลุ่มจะเป็นในกลุ่มของ ผู้เสียหายที่ถูกหลอกตีสนิท และโอนเงินไปให้ ซึ่งขณะนี้พบว่ามีอยู่ 7 คน โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มไฮโซ แวดวงสังคมชั้นสูง 
         ขณะที่ในส่วนของการตรวจสอบรูปแบบแผนประทุษกรรมของมิจฉาชีพรายนี้ พบว่าก่อนเกิดเหตุเตรียมการมาเป็นอย่างดี โดยมีการศึกษารูปแบบ ภาษา ข้อมูลเฉพาะทางเกี่ยวกับศัพท์การบินของเจ้าหน้าที่ แอร์โฮสเตสสายการบินต่างๆ จนถึงขั้นสามารถปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับสายการบินดังกล่าว ได้อย่างแนบเนียน รวมถึงคัดลอกข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่แอร์โฮสเตส ผู้เสียหายจากโซเชียลมีเดีย ที่แอร์โฮสเตสสาวทั้ง 2 ราย โพสต์ลง ก่อนจะถูกนำรูปภาพและชื่อไปใช้ในการแอบอ้าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังได้มีการเก็บสะสมรูปภาพภายในสนามบิน และสถานที่ท่องเที่ยวตามประเทศต่างๆ เพื่อนำมาใช้เล่นละคร เพื่อหลอกเหยื่อให้หลงเชื่ออีกด้วย