รวบหนุ่มลูก5หาเงินไม่พอเลี้ยงครอบครัวหันค้ายา

     วันนี้ (28 มี.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.อัฐกูรณ์ สาระกูล ผกก.สภ.พนัสนิคม ร่วมทหาร เจ้าหน้าที่ ปปส.แถลงข่าวการจับกุมตัวนายพิษณุ หรือณุ อินทสาย อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาชลบุรี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 12,002 เม็ด ยาไอซ์ 4.9 กรัม ยาเคยามีนบรรจุในขวด 6 ซีซี. จำนวน 150 ขวด 

     พล.ต.ต.สมประสงค์ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้ตำรวจสืบทราบมาว่า นายพิษณุ และ น.ส.วัลวิภา หรือฝ้าย มีพฤติกรรมใช้บ้านพักจำหน่ายยาเสพติดให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ อ.พนัสนิคม จึงได้เดินทางมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงพบว่ามีวัยรุ่น 7 คนนั่งอยู่บริเวณหน้าบ้านมีพิรุธ จึงขอทำการตรวจค้น จนกระทั่งกลุ่มวัยรุ่นสารภาพว่าได้เสพยาจึงทำการตรวจปัสสาวะพบว่ามีผู้เสพทั้งหมด 4 คน ช่วงนั้น น.ส.วัลวิภา ออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวจึงได้ควบคุมตัวไว้ และจากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านพบนายพิษณุอยู่ในบ้านกำลังจะปีนหนีทางหน้าต่างบ้าน จึงได้จับกุมตัวไว้ได้อีก 1 คน จากการค้นภายในบ้านพบยาเสพติดดังกล่าว

    จากการสอบสวน นายพิษณุ ให้การสารภาพว่า การมาให้ข่าวครั้งนี้เป็นความเต็มใจ อยากจะออกมาเตือนวัยรุ่นว่าการเสพยาเสพติดไม่ดี จะสนุกชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ในที่สุดก็ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี ส่วนที่ต้องมาขายยาเสพติดเนื่องจากทำงานไม่พอเลี้ยงคนในครอบครัว จึงได้ตัดสินใจเข้ามาสู่วงจรค้ายาเสพติด โดยรับยาเสพติดมาขาย เมื่อขายแล้วก็จะไปใช้หนี้เขา เพิ่งทำมาได้เดือนเศษก็ถูกจับกุมแล้ว โดยเฉพาะยาบ้ารับมาเม็ดละ 30 บาท ขายในราคา 50 บาท ส่วนยาเคตามีนรับมาขวดละ 400-500 บาท ขายขวดละ 800 บาท ซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน ยอมรับอนาคตตัวเองเหมือนกันว่าค้ายาเสพติดจะต้องถูกจับกุม แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกจับเร็วขนาดนี้

     พล.ต.ต.สมประสงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่นายพิษณุตัดสินใจค้ายาเสพติด สารภาพว่าจะต้องเลี้ยงลูก 5 คน และหาเงินมาใช้ในครอบครัวไม่ทัน แม้จะทำงานสุจริตแล้วก็ตามได้เงินเดือนละ 10,000 กว่าบาทแต่ไม่พอใช้จ่าย จึงได้ตัดสินใจหันมาค้ายาเสพติดเพราะได้เงินเร็ว ส่วนยาเคตามีนช่วงนี้จะระบาดในพื้นที่ จ.ชลบุรีจำนวนมาก เพราะมีสถานบันเทิง อย่างไรก็ตามตำรวจได้พยายามตรวจตราสถานบันเทิงตลอดเวลา เพื่อป้องกันยาเสพติดแพร่ระบาด และในช่วงสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ ในการป้องกันการระบาดของยาเสพติดจะมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด แต่พยายามจะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชน