สารวัตรปืนโหดใช้สิทธิ์ไม่ทำแผน

               23 ก.พ. 60  กรณี พ.ต.ท.เอกพงษ์ พรหมสุข อายุ 49 ปี สารวัตรฝ่ายอำนวยการ สำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. ยิงนายพงษ์พัฒน์ โชติชุ่ม อายุ 59 ปี และนางจุฑาทิพย์ บัวคล้าย อายุ 44 ปี เสียชีวิตภายในร้านกาแฟชื่อดัง โดยผู้ต้องหาอ้างมีปัญหาครอบครัว  สารวัตรปืนโหดยิงภรรยา-เพื่อนชายตายคู่ (อ่านต่อ...)

               ที่ห้องเก็บศพโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย มาติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา หลังแพทย์เวรนิติเวช ได้ชันสูตรพลิกศพตามกระบวนการ ระบุศพนายพงษ์พัฒน์พบวิถีกระสุน ซึ่งเป็นบาดแผลถูกยิงลักษณะเป็นรูเข้าและออกที่ศีรษะจำนวน 7 นัด ลำตัว 2 นัด และบาดแผลวิถีกระสุนพุ่งเฉียดที่แขนและฝ่ามือ ส่วนนางจุฑาทิพย์มีรูที่ขมับซ้ายทะลุขวาและลำตัว 2 นัด จากนั้นญาติได้เคลื่อนย้ายศพนายพงษ์พัฒน์ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเลียบ อ.เมือง ส่วนนางจุฑาทิพย์ไปตั้งที่วัดกลาง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

               นายสิทธิศักดิ์ พรหมสุข อดีตข้าราชการครูบำนาญ พี่ชาย พ.ต.ท.เอกพงษ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้น้องชายใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา มาจากปัญหาครอบครัว ซึ่งน้องชายเคยบ่นให้คนสนิทรับฟังถึงพฤติกรรมของภรรยา จึงได้ติดตามความเคลื่อนไหว เมื่อพบความจริงได้พูดจาร้องขอแต่ก็ไม่เป็นผล

               ส่วนบรรยากาศที่วัดเลียบหลังเสร็จพิธีรดน้ำศพนายพงษ์พัฒน์ อดีตภรรยา อายุ 54 ปี กล่าวว่า ครอบครัวรู้สึกเศร้าเสียใจกับความสูญเสียอย่างกะทันหัน ส่วนคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย

               พ.ต.อ.ปฎิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผกก.สภ.เมือง นครราชสีมา กล่าวว่า จากการสอบปากคำ พ.ต.ท.เอกพงษ์ ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ รับเป็นผู้ก่อเหตุแต่อ้างเกิดความหึงหวง เมื่อเห็นภรรยาอยู่กับเพื่อนชาย จึงได้บันดาลโทสะ ส่วนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้ต้องหาขอใช้สิทธิ์ไม่ยินยอม อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

               ขณะที่ พล.ต.ต.ลือชัย สุดยอด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งพัก หรือให้ออกจากราชการ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสอบปากคำพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อสรุปสำนวน เสนอให้อัยการตามขั้นตอน ซึ่งต้องรอให้ศาลจังหวัดนครราชสีมา มีคำสั่งจึงจะสามารถดำเนินการได้