ข่าว

เร่งเช็กวงจรปิดล่าเก๋งชนนศ.แล้วหนี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตร.เร่งตรวจสอบวงจรปิดรถเก๋งชนนักศึกษาสาวหน้าศูนย์ราชการ จ.บุรีรัมย์ หลังไม่ยอมแสดงตัวชนแล้วหนี

 

              
               กรณีที่มีการแชร์คลิปภาพวงจรปิด เหตุการณ์รถเก๋งเลี้ยวตัดหน้าชน รถจักรยานยนต์ของ น.ส.อัฐริยา บุญปก อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง บริเวณปากทางเข้า-ออกศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา จนนักศึกษาสาวกระเด็นหลายตลบได้รับบาดเจ็บ แต่รถเก๋งคันดังกล่าวกลับไม่สนใจลงมาดูหรือช่วยเหลือ กลับขับรถหนีเข้าไปในศูนย์ราชการเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้ น.ส.อัฐริยา นอนสลบอยู่กลางถนน ทำให้ชาวโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ต่างประณามคนขับรถเก๋งที่ไร้น้ำใจชนแล้วหนีไม่ลงมาดูคนเจ็บ รวมทั้งต่อว่ารถที่ขับผ่านไปหลายคันแต่ไม่มีคนลงมาช่วยเหลือ โดยจากคลิปผู้บาดเจ็บนอนสลบอยู่นานกว่าจะมีรถของพลเมืองดี ที่จอดลงมาดูและโทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ชีพมาช่วยนำส่ง รพ.บุรีรัมย์ ซึ่งขณะนี้ น.ส.อัฐริยา นักศึกษาที่บาดเจ็บก็ยังนอนรักษาอยู่ตึกศัลยกรรมหญิง ชั้น 3 รพ.บุรีรัมย์ โดยยังไม่มีกำหนดว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากแพทย์ต้องตรวจเช็คสมองที่ได้รับการกระทบกระเทือน แม้เหตุการณ์จะผ่านไปถึง 4 วันแล้ว แต่คนขับรถเก๋งไม่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแสดงความรับผิดชอบกับครอบครัวผู้เสียหายแต่อย่างใด
               ขณะที่ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ฤทธิ์ไธสง รอง ผกก.สอบสวน หัวหน้างานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดแล้ว พบว่ารถเก๋งมีการเปิดไฟเลี้ยวจริง แต่ไม่ได้ชิดซ้ายเข้าเลนในก่อนจะเลี้ยว ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ขับตามมาไม่ทันระวังถูกชนกระเด็นได้รับบาดเจ็บ จากนั้นรถเก๋งก็ขับเข้าไปในศูนย์ราชการโดยไม่หยุดช่วยเหลือหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากภาพที่ปรากฏ คนขับรถเก๋งจะเข้าข่ายความผิดข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และไม่หยุดช่วยเหลือแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงโดยทันที หรือหลบหนี ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ แต่ขณะนี้เจ้าของรถเก๋งคันที่ปรากฏในคลิปยังไม่มาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่
               โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบเป็นรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค รุ่นเตารีด สีบรอนซ์ แต่ทะเบียนไม่ชัดเจน จึงยังไม่ทราบว่าเจ้าของรถเก๋งคันดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในศูนย์ราชการหรือบุคคลอื่นที่มาติดต่อราชการหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องทำการตรวจสอบวงจรปิดที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมจะนำภาพให้ผู้เชี่ยวชาญทำการดึงขยายภาพเพื่อให้สามารถมองเห็นทะเบียนได้ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ตำรวจก็เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ทั้งผู้บังคับบัญชาก็ได้สั่งกำชับให้เร่งติดตามคดีดังกล่าวด้วยเช่นกัน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ